หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงานนายธวัช เบญจาทิกุล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน นายสง่า แต่เชื้อสาย ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นายฐากูร ชวนะพงศ์ ปลัดจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูง และผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ร่วมเป็นเกียรติในพิธีปิดและมอบรางวัลการแข่งขัน“ทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า” ครั้งที่ 43 (43rd Toyota Dealer Customer Service Skills Contest) รอบชิงชนะเลิศ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า ถนนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด มุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบรับกับภาคอุตสาหกรรมที่มีการปรับตัวจากการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้อย่างแพร่หลายและรวดเร็ว โดยริเริ่มการจัดการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า (Toyota Dealer Customer Service Skills Contest) ขึ้นในพ.ศ. 2519 ด้วยวัตถุประสงค์ในการเพิ่มพูนความรู้ ความสามารถของบุคลากร เพื่อยกระดับคุณภาพในการให้บริการ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า โดยตลอดระยะเวลากว่า 43 ปี ในการจัดการแข่งขัน สามารถพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพมากกว่า 1,200 คนต่อปี
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ที่โตโยต้า บุคลากรคือทรัพยากรที่มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามั่นใจว่าการพัฒนาบุคลากรคือกุญแจสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ และด้วยเหตุนี้เอง ผมจึงเชื่อว่าผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้าทุกท่านในวันนี้ต่างก็ยึดมั่นในวิถีโตโยต้าเหมือนๆ กัน ซึ่งค่านิยมนี้ประกอบไปด้วยสองเสาหลัก นั่นคือ “การพัฒนาปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง” (Continuous Improvement) และ “การยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน” (Respect for People) จะใช้เป็นแนวทางที่ทั้งบริษัทและผู้แทนจำหน่ายโตโยต้ายึดถือมาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อมอบสินค้าและบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพเหนือความคาดหมายของลูกค้า”
โดยการแข่งขัน “ทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า” จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถของบุคลากรทางด้านการบริการของผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น ประเภททีม 2 ประเภท และประเภทเดี่ยว 8 ประเภท โดยผู้ชนะเลิศมีดังนี้
- ประเภททีมบริการตัวถังและสี ได้แก่ บริษัท โตโยต้าไทยเย็น จำกัด
- ประเภททีมบริการรถยนต์ ได้แก่ บริษัท โตโยต้า เค. มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า
ประเภทเดี่ยว
- ผู้บริหารงานตัวถังและสีรถยนต์ ได้แก่ บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด
- พนักงานคอลเซ็นเตอร์ ได้แก่ บริษัท โตโยต้าวิชั่น จำกัด
- พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ ได้แก่ บริษัท โตโยต้ามุกดาหาร (1993) ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด
- ช่างซ่อมตัวถังรถยนต์ ได้แก่ บริษัท โตโยต้าสุราษฎร์ธานี ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด
- ช่างซ่อมสีรถยนต์ ได้แก่ บริษัท โตโยต้าไทยเย็น จำกัด
- พนักงานอะไหล่ ได้แก่ บริษัท โตโยต้าเมืองเลย จำกัด
- ผู้บริหารงานบริการ ได้แก่ บริษัท โตโยต้าขอนแก่น ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด
- ช่างเทคนิค ได้แก่ บริษัท โตโยต้าเค. มอเตอร์ส ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด
มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวปิดท้าย “เราได้คิดค้นระบบการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของโตโยต้าขึ้น เพื่อใช้ผลักดันศักยภาพขององค์กรให้สามารถก้าวทันและเอาชนะความท้าทายในปัจจุบันและอนาคตได้ ซึ่งการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้าก็นับได้ว่าเป็นหนึ่งในโครงการหลักที่สำคัญโครงการหนึ่งที่เราดำเนินการภายใต้แนวคิดของการสรรหาบุคลากร (Recruitment) การฝึกอบรม (Re-train) และ การรักษาบุคลากร (Retention) มาต่อเนื่องยาวนานกว่า 40 ปี ยิ่งไปกว่านั้นเรายังได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เพื่อพัฒนาบุคลากรเชี่ยวชาญเทคโนโลยียานยนต์ (Mobility Technologist) อีกด้วย
ท้ายสุดนี้ ผมขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับผู้เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้ ตลอดจนผู้ชนะในการแข่งขันทักษะการบริการลูกค้าโตโยต้า ประจำปี 2562 ซึ่งเป็นผู้ที่ได้แสดงทักษะการทำงานและลงมือปฏิบัติจริงได้อย่างยอดเยี่ยม ผมเชื่อมั่นว่าบุคลากรที่มีศักยภาพสูงทุกท่านจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ ทุกท่านคือความภาคภูมิใจอย่างแท้จริงของทั้งภาครัฐและเอกชน
ยิ่งไปกว่านั้น ผมขอแสดงความขอบคุณจากใจจริงต่อรัฐบาลไทยสำหรับการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรมาโดยตลอด นอกจากนี้ ผมขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านเป็นอย่างสูงสำหรับการช่วยสนับสนุนประชาสัมพันธ์ข่าวโครงการในวันนี้ และสุดท้าย ผมต้องขอขอบคุณท่านเจ้าของผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทุกท่านด้วย “ขอบคุณสำหรับผลงานที่ดีเยี่ยม!”
โตโยต้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการพัฒนาทรัพยากรบุคคลของเรา จะเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรภายในประเทศ และเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้สามารถแข่งขันในระดับสากลได้เป็นอย่างดี