Kia Stinger สปอร์ตซีดานสมรรถนะสูง

0

Kia Stinger เรียกได้ว่าเป็นยนตรกรรมที่สร้างยุคใหม่ในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Kia นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2017 ซึ่งผ่านการพัฒนาจนมาถึงโมเดลล่าสุดของ Kia Stinger โมเดลปี 2022 ที่มาพร้อมความเหนือชั้นด้วยการนำเสนอความโดดเด่นผ่านรูปลักษณ์งานดีไซน์ใหม่ ที่ผสมผสานความหรูหรา และความเป็นยนตรกรรมสปอร์ตซีดานสมรรถนะสูงเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

เช่น ตราสัญลักษณ์ใหม่บนฝากระโปรงหน้า และฝาครอบดุมล้อ เสริมด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่จัดมาให้อย่างชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมชุดไฟ DRL ในสไตล์ Stinger-Signature แบบ LED รวมไปถึงชุดไฟท้ายซึ่งมากับดีไซน์ใหม่อันโดดเด่น โดยในรุ่นย่อย GT นั้นจะมากับชุดไฟเลี้ยวแบบ LED ด้วยเช่นกัน ขณะที่ล้ออัลลอยด์นั้นจะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ 18 นิ้ว และ 19 นิ้ว ตามแต่ละรุ่นย่อย

ภายในมากับสไตล์สปอร์ตหรูด้วยโทนสีดำ ตัดสลับด้วยโครเมี่ยม และเพิ่มความทันสมัยเข้าไปให้กับรุ่นย่อย GT ด้วยลวดลายการตัดเย็บ ตามด้วยการเลือกใช้วัสดุหนัง Nappa ลวดลายใหม่ที่เรียกว่า “Chain Link” ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากสายนาฬิกาข้อมือระดับไฮเอนด์ ตลอดจนการติดตั้งชุดไฟ Ambient ในห้องโดยสารแบบ LED ให้เลือกปรับโทนสีได้ตามความชอบ

โดยนอกจากรุ่นมาตรฐานแล้ว Kia Stinger ยังมีเวอร์ชั่นเร้าใจในชื่อว่า Scorpion Special Edition ให้เลือกเป็นเจ้าของเช่นกัน ซึ่งต่อยอดความพิเศษ ตั้งแต่โทนสีตัวถังที่มีให้เลือก 3 สไตล์ คือ สีขาว Snow White, สีดำ Aurora Black และสีเงิน Ceramic Silver โดยจะมาพร้อมกับชุดแต่ง คือ สปอยเลอร์ด้านหลัง ตามด้วยในส่วนของซุ้มล้อหน้า, ฝาครอบกระจกมองข้าง, ปลายท่อไอเสีย และล้ออัลลอยด์ ที่มากับโทนสีดำเพื่อเพิ่มความดุดัน ซึ่งรวมไปถึงกาเลือกใช้คาร์บอนไฟเบอร์เข้ามาเป็นส่วนประกอบในการตกแต่งห้องโดยสารด้วยเช่นกัน

สมรรถนะของ Kia Stinger มีให้เลือก 2 รุ่นจากพื้นฐานเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ โดยเริ่มจากพิกัด 2.5 ลิตร แบบ 4 สูบที่มีพละกำลัง 300 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 421 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Paddle Shift ที่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-60 ไมล์/ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.2 วินาที และมีระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้งแบบล้อหลัง (RWD) และ 4 ล้อ (AWD)

ขณะที่รุ่นใหญ่สุดจะมากับเครื่องยนต์พิกัด 3.3 ลิตรแบบ V6 พ่วงระบบอัดอากาศ Twin-Turbo และเรี่ยวแรงสูงสุดคือ 368 แรงม้า กับแรงบิดสูงสุดราว 509 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อม Paddle Shift พร้อมด้วยการติดตั้งระบบไอเสียแบบแปรผัน ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มความเร้าใจในสุ้มเสียง พร้อมการติดตั้งระบบช่วยออกตัว Launch Control มาให้เป็นมาตรฐาน ตามด้วยมีการอัพเกรดระบบเบรกใหม่ไปใช้แบนด์ Brembo ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้นมีให้เลือกทั้งแบบล้อหลัง (RWD) และ 4 ล้อ (AWD) พร้อมความสามารถด้านอัตราเร่งจาก 0-60 ไมล์/ชม. ที่เร็วขึ้นเป็น 4.7 วินาที

 

CR.NetCarShow.com

Comments are closed.