วันนี้เราเข้ารวมการทดสอบเจ้านิมิ MPV ของค่ายซูซูกิ เออร์ติกา ไมเนอร์เชนจ์ ที่ภายนอกปรับใหม่หลายจุด ความโดดเด่นสะดุดตาจนสาวสะกิดแม่ ภายในเปลี่ยนการตกแต่งใหม่สวยใสหรูเลิศ งานนี้ซูซูกิพาเราบินไปลงยังจังหวัดพิษณุโลกโดยนกแอร์เจ้าปัญหา ไปรอลุ้นกันแต่เช้าว่าจะยกเลิกเที่ยวบินหรือเปล่า เราโชคดีที่กับตันไม่งอแง เลยได้บินตามเวลามาถึงนั่งรถตู้ไปโรงแรมสุดหรูแพงสุดในจังหวัด เหมือนมีตังเปล่านอนฟรีซูซูกิจ่ายจร้า ฟังข้อมูลเมมลงหัวจะหน่อย ก่อนที่จะเดินไปควบเออร์ติกา ใหม่ เที่ยว พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระยะทางทั้งหมดประมาณ 315 ก.ม เรามาดูกันว่าเจ้า เออติกา ใหม่ จะเฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้วขนาดไหน เออร์ติกา ใหม่ จริงๆมันคือไมเนอร์เชนจ์ นั้นละแต่เรียกใหม่ละกันนะจะแบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย GL ราคา 655,000 บาท แพงขึ้นจากรุ่นเดิม 16,000 บาท และรุ่น Dreza ซึ่งเป็นรุ่นสูงสุด ราคา 715,000 บาท แพงขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้ชื่อรุ่น GLX 26,000 บาท
มาเริ่มกันที่รูปลักษณ์ภายนอกโดยเราจะเน้นที่รุ่น DREZA เพราะขับแต่คันนี้ งงอ่ะดิ เดลซ่า(DREZA) คืออะไร มันมาจากคำว่า DRESS UP หรือการแต่งหน้าทาปากใหม่นั้นเอง แล้วก็จริงของเค้า ดูเฟี้ยวฟ้าวแปลกหูแปลกตาไปจากเดิมเยอะเลย เริ่มตั้งแต่กระจังหน้าใหม่สไตล์สปอร์ต ที่ผสานความโฉบเฉี่ยวและความหรูหราด้วยวัสดุโครเมี่ยม เพิ่มไฟ LED และไฟตัดหมอก ทำให้เจ้าคันนี้ดูญี่ปุ่น ยุ่นสึด ผมว่าถ้าเอาไปแต่งนี้น่าจะสวยสไตล์ยุ่น เท่ห์น่าดูเหมือนกัน เพิ่มความสะดุดตาด้วยสเกิร์ตด้านข้างดีไซน์ใหม่ ไฟท้ายดีไซน์ใหม่สวยงามลงตัว พร้อมตกแต่งประตูท้ายด้วยโครเมี่ยม ล้ออลูมิเนียมอัลลอยด์ 15 นิ้ว ดีไซน์ใหม่
เปิดประตูเข้ามาภายในตกแต่งด้วยสีทูโทนพร้อมลายไม้ โล่งโปร่งสบาย คู่แข่งหลายๆค่ายมีหนาวจร้า เพราะภายในกว้างขวางนั่งสบายสุดๆโดยเฉพาะเบาะแถว 2 เลื่อนถอยหลังสุด ทำให้มีพื้นที่วางขากว้างขวาง ปรับเอนได้หลายระดับ และมีที่เท้าแขนตรงกลาง ปรับเอนนอนได้อย่างสบายฟินเฟ่อ แถมมีเบาะแถว 3 เผื่อคุณหนูๆเด็กตัวเล็กๆ โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง ตัวเล็กๆ ไปนั้งได้เน้นการใช้งานแบบครอบครัว พื้นที่เหนือศีรษะเหลือๆมีช่องแอร์ 4 ช่อง พร้อมสวิตช์ปรับความแรงลมแยกเฉพาะ กระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง ขับกลางแดดก็ยังเย็นซะใจ ในรุ่น Dreza เบาะคู่หน้าปรับสูง-ต่ำได้ มีปลั๊กไฟ 12 โวลต์ สำหรับผู้โดยสารบนเบาะแถว 2 ส่วนที่คอนโซลหน้ามีปลั๊กไฟอีกชุดพร้อมช่อง USB พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้ มีสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยฝั่งซ้าย แผงคอนโซลคล้ายสวิฟต์ คันเกียร์มีปุ่มเปิด-ปิด O/D Overdrive ส่วน รุ่น GL เน้นโทน Earth Tone พนักพิงเบาะแถวหลังจากเดิมที่พับเป็นชิ้นเดียว ปรับปรุงเป็นแบบแยกพับ 50:50 เพิ่มความเอนกประสงค์ในการใช้งาน และเบาะแถว 2 สามารถเลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้ 240 มิลลิเมตร และพนักพิงปรับเอนได้ แยกพับได้แบบ 60:40 พร้อมที่เท้าแขนตรงกลาง อ่อลืมบอกไปเบาะแถว 3 พับง่ายมากครับสบายหายห่วงดึงทีเดียวเอง
เรามาเริ่มการทดลองขับกันดีกว่าช่วงแรกขับผ่านตัวเมืองพิษณุโลกซึ่งบางช่วงเป็นถนนแคบ ความคล่องตัวในการใช้งานในเมืองมีความคล่องตัวสูงซิกแซ๊ก ซอกแซก ขับสบายขับง่ายมาก สามารถลัดเลาะไปตามช่องว่างได้อย่างพริ้วไหว ขับในเมืองได้แบบเนียนๆ หลุดออกมานอกเมืองมุ่งหน้าสู่จังหวัดสุโขทัย เครื่องยนต์เดิม K14B เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ VVT-Variable Valve Timing ความจุ 1,373 ซีซี กำลังสูงสุด 92 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 13.24 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังมีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ การเร่งแซงทำได้ดีแซงคันหน้าที่ช้าขับชมธรรมชาติ แบบกรูไม่รีบ ได้อย่างสบายไม่ต้องลุ้นให้เสียว อัตราเร่งช่วงความเร็วต่ำถึงปานกลางให้อัตราเร่งที่ทันใจวัยรุ่น เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ มีการเปลี่ยนเกียร์ที่ราบเรียบและนุ่มนวลเพลอแปปเดียวความเร็วไปแตะที่ 170 กม./ชม. ได้อย่างชิลล์ๆ อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 14 กิโลเมตรต่อลิตร
ระบบกันสะเทือนเซตมาให้นุ่มสบายดูดซับแรงกระแทก และแรงสั่นสะเทือนได้ดี เวลาขับผ่านพื้นผิวถนนที่เป็นหลุมบ่อขรุขระ นุ่มสบายจริง การเค้าโค้งด้วยความเร็วก็ทำได้อย่างมั่นใจไม่มีอาการย้วย หรือโคลง เหมือนคู่แข่งนะจ๊ะ ระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม พร้อม ABS และ EBD ถึงไม่เท่ห์ แต่ก็ลดความเร็วได้อย่างทันใจ ควบคุมแรงเบรกได้ง่าย
ซูซูกิ เออร์ติกา Dreza รถเอนกประสงค์ MPV ที่ปรับโฉมใหม่ ดูสะดุดตาทั้งภายนอกและภายใน สไตล์ญี่ปุ่นจ๋าๆ ใครชอบแต่งรถเห็นรูปทรงหน้าตา ไอเดียเกิด พื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง เบาะนั่งปรับเปลี่ยนได้หลายรูปแบบ ขับดีขับสนุกเพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน ขึ้น-ลงเขาไม่มีปัญหา รองรับ E20 ช่วงล่างนุ่มนวล หนึบ ไม่ย้วย ราคามิตรภาพ ผมว่าหากอยากได้รถยนต์สไตล์ MPV ซักคัน เออร์ติกา ใหม่คันนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเชื่อหม่อมเถอะ