ฮอนด้า แอคคอร์ด 1.5 เทอร์โบ ซีดานหรู พลังเทอร์โบ สำหรับรุ่นใหญ่หัวใจยังแรง

0

หลังจากเปิดราคาอย่างเป็นทางการ ของฮอนด้า แอคคอร์ด เจนเนอเรชั่นที่ 10 ทั้ง 3 รุ่นย่อย คือ TURBO EL 1,475,000 บาท, HYBRID 1,639,000 บาท และ HYBRID TECH 1,799,000 บาท  ขณะนี้ก็น่าจะกวาดยอดจองแล้วกว่า 3,000 คัน แบ่งออกยอดจองของรุ่น TURBO EL ประมาณ 50% รุ่นท็อป HYBRID TECH มียอดจองประมาณ 35% และรุ่นล่างของตัวไฮบริดอย่าง HYBRID มียอดจองอยู่ที่ประมาณ 15% เริ่มทยอยส่งมอบรุ่นเทอร์โบแล้ว แต่คนจองไฮบริดยังต้องรอคอยกันในช่วงกรกฎาคมอีกที

 

ว่ากันตามตรง ฮอนด้าค่อนข้างจะผิดฟอร์มอยู่ไม่น้อยกับไทม์ไลน์ในการเปิดตัวรุ่นนี้ หากไล่เรียงไปดูในหลายรุ่นที่ผ่านสร้างกระแสเปิดตัวเปรี้ยงปร้าง สั่นสะเทือนตลาดรถเก๋งเมืองไทย ล้วนแต่มาด้วยความพร้อมในระดับ ส่งมอบทันที ! ทุกรุ่น

ล่าสุดเพิ่งจะจัดการทดลองขับ รุ่น TURBO EL ณ จังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางไม่ใกล้ไม่ไกล  วิ่งไป-กลับ ประมาณ 170 กิโลเมตร ใช้เส้นทางชียงใหม่ – เชียงราย ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างทางอยู่บางจุดทำให้ค่อนข้างจะได้อรรถรสในการลองขับบนสภาพถนนที่หลกาหลาย

ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ ซีดานที่รูปทรงกระเดียดไปทางฟาสแบ็ค มองในภาพรวมของดีไซน์ตัวรถไม่ได้กระโดดหนีไปจาก ฮอนด้า ซีวิค ที่ออกมาก่อนหน้ามากนัก  ภายในให้อารมณ์เช่นเดียวกันกับดีไซน์ภายนอกตัวรถ วัสดุคุณภาพดี เน้นความสวยงามควบคู่ไปกับการใช้งานที่ค่อนข้างจะลงตัว

คอนโซลหน้าทั้งชุดดูจะแคบลงไปกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อย พวงมาลัยสปอร์ตสามก้านจับกระชับมือ มาพร้อมกับชุดควบคุมแบบมัลติฟังก์ชั่นใช้งานง่าย เรือนไมล์เลือกใช้จอแบบ TFT  ชุดเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple Carplay ส่วนชุดสวิตช์ควบคุมแอร์แบบมือหมุน ออกแบบมาเรียบหรู ดูใช้งานง่าย ไม่ต้องละสายตาจากถนน

คอนโซลกลาง เกียร์ดีไซน์ใหม่ดูสปอร์ตลงตัว กล่องเก็บของใหญ่โตพักแขนได้  เบรกมือไฟฟ้า สวิตช์เลือกโหมดการขับแบบ SPORT และ สวิตช์ ECON MODE  เบาะนั่งในทุกพื้นที่ออกแบบมาได้ดีรองรับกับสรีระร่างและสันหลัง โอบกระชับและรู้สึกนั่งสบายด้วยวัสดุหนังอย่างดี

แต่ในส่วนของผู้โดยสารด้านข้างตำแหน่งการนั่งค่อนข้างจะต่ำเกินไปนิดน่าจะไม่สะดวกต่อผู้สูงอายุและคนตัวใหญ่ เพราะช่วงขาค่อนข้างจะแคบจากการออกแบบของตัวคอนโซลหน้า อาจจะต้องถอยเบาะไปด้านหลังเยอะหน่อยเพื่อแก้ปัญหา

เบาะคนนั่งแถวหลัง กว้างขวางจนรู้สึกห่างไกลจากเพื่อนร่วมรถ แนวองศาของพนักพิงค่อนข้างจะลาดเอียงรับกับการลาดเอียงของดีไซน์หลังคาแต่ก็นั่งสบาย ช่องแอร์แถวหลัง พร้อมที่พักแขนตรงกลางพับเก็บได้ นอกจากช่องที่สามารถเปิดไปหยิบของด้านห้องเก็บสัมภาระด้านท้าย เบาะทั้งหมดยังสามารถพับลงได้ยามที่คุณต้องการเพิ่มพื้นที่การบรรทุกสัมภาระ

โครงสร้างตัวถัง และน้ำหนักตัวรถ ลดลงจากรุ่นเดิมถึง 56 กิโลกรัม แข็งแรงขึ้นกว่าเดิม 24% ทนต่อการบิดตัวเพิ่มขึ้น 32% ช่วงล่างออกแบบใหม่ จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง 1 เปอร์เซ็นต์ ด้านหน้าใช้โลเวอร์อาร์มอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก ซับเฟรมสำหรับติดตั้งช่วงล่างหลังออกแบบใหม่ ปรับจูนให้ปรับให้มีทั้งความนุ่มนวลและประสิทธิภารการยึดเกาะถนนดีขึ้น

การลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ฉีดโฟมบริเวณหลังคาและเสาประตูรวม 10 จุด ติดตั้งไมโครโฟน 3 ตัวสำหรับระบบ Active Noise Control (ANC) ติดตั้งที่ด้านหน้าและด้านหลัง และเพิ่มไมโครโฟนตัวที่ 3 ที่เสากลางฝั่งผู้ขับ ซึ่งฮอนด้าเป็นรายแรกที่ใช้ไมโครโฟน 3 ตัว พร้อมลดเสียงรบกวนจากล้อด้วยการติดตั้งวงแหวนดูดซับเสียงในล้ออีกด้วย

                เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว i-VTEC TURBO ความจุ 1,498 ซีซี บล็อกเดียวกับฮอนด้า ซีวิค แตกต่างในรายละเอียดของขนาดตัวเทอร์โบที่ใหญ่กว่าไปจนถึงโปรแกรมในกล่องควบคุม มอบกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 24.8 กก.-ม. ที่ 1,500-5,500 รอบต่อนาที รองรับแก๊สโซฮอล์ E85 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมโหมด +/- เปลี่ยนเกียร์ด้วย Paddle Shift 7 จังหวะ

แรกสัมผัส รู้สึกเหมือนกำลังขับรถยุโรปสักยี่ห้อที่มีดีไซน์แบบนี้เมื่อหลายปีก่อน พรีเมียมแบบเรียบง่ายจนบางอย่างดูเรียบจนเกินไป เบาะไฟฟ้าฝั่งผู้ขับปรับได้ 8 ทิศทาง แต่พวงมาลัยยังแมนนวล มัลติฟังก์ชั่นต่าง ๆ เลือกใช้งานได้ง่าย ทัศนะวิสัยรอบคันค่อนข้างดี

สมรรถนะจากการลองขับ 80 กิโลเมตร เด่นชนิดต้องใส่ใจ คือความเงียบงันของห้องโดยสารสร้างความสงบภายในห้องโดยสารได้ดีกว่ารุ่นเก่า ติดวัสดุซับเสียงในหลายจุด พร้อมระบบส่งสัญญาณตัดเสียงรบกวน ทั้งเสียงลมและเสียงจากห้องเครื่องมีเล็ดลอดเข้ามาน้อยมาก

                ช่วงล่าง ระบบกันสะเทือนอิสระพร้อมเหล็กกันโคลงทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้าแม็กเฟอร์สัน ด้านหลังมัลติลิงก์ เซตมาได้ลงตัวกว่ารุ่นก่อนและสมกับการคาดหวังในกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบรถที่ไม่ได้มีความนุ่มนวลจนเกินไปนัก ไม่ได้สปอร์ตจ๋า จนคนสูงวัยขับยาก แต่มาแบบกำลังดี  ช่วงวิ่งผ่านถนนลูกรังรับรู้ได้เลยว่าซับแรงสะเทือนที่ส่งตรงมาถึงผู้โดยสารได้ดีมาก ช่วงใช้ความเร็วสูงในโค้งรถเก็บอาการได้ดีไม่โยนตัวมากเหมือนอดีตชวนให้ควบคุมรถได้ง่าย

                พละกำลังเครื่องยนต์ไม่ได้มีความด้อยกว่าเครื่องยนต์ที่ขนาดใหญ่กว่า ช่วงออกตัวหรือช่วงใช้ความเร็ซต่ำอาจจะดูตื้อตันนิด ๆ แต่ในช่วงความเร็วระดับกลางไปจนถึงสูง เครื่องยนต์ปล่อยประสิทธิภาพของมันออกมาอย่างเต็มที่ ตอบสนองทันใจ ความเร็วไล่ระดับมาให้ใช้งานเต็มพลัง เกียร์ CVT ทำงานได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด รู้สึกได้ว่าไม่ต้องรีดเร้นพลังมากมายโดยเฉพาะในช่วงไต่ขึ้นเนินชัน

ลองปรับเข้าสู่โหมดสปอร์ต หน้าจอเรือนไมล์จะเปลี่ยนไปเป็นมาตรวัดแบบบูสท์เทอร์โบให้อารมณ์ดูเร้าใจขึ้น รอบเคตรื่องจะขยับสูงขึ้นพอควรเพื่อยั่วให้เรากดคันเร่งใช้งาน เติมคันเร่งเมื่อไหร่ก็พร้อมทะยานไปข้างหน้า แม้จะดูจัดจ้านน แต่โหมดสปอร์ตเป็นเรื่องการสร้างอารมณ์ที่เร้าใจขึ้นล้วนๆ

เพราะมีการปล่อยเสียงสังเคราะห์ด้วยการใช้ไมค์ดูดเสียงเครื่องยนต์เข้ามาแล้วผ่านการมิกซ์เล็กน้อยก่อนปล่อยออกมาสู่ลำโพงในตัวรถให้รู้สึกว่าขับรถพลังเทอร์โบ แต่ในภาพรวมอยากให้ลองนึกถึงอารมณ์คุณกดปุ่มโอเวอร์ไดร์ฟ หรือ เข้าเกียร์ S ในรุ่นอื่นดู คล้ายกันนั่นละ ลองทดสอบวัดความเร็ว 0-100 กม. พบว่าโหมด Sport จับเวลาได้อยู่ที่ 9.1 วินาที ส่วนโหมดปกติจับเวลาได้อยู่ที่ 9.6 วินาที

                  ด้านของพวงมาลัยไฟฟ้าปรับการผ่อนแรงตามความเร็วได้ดี จังหวะใช้ความเร็วสูงหนืดขึ้นชัดเจนชวนให้มั่นใจในการควบคุมรถ ส่วนเบรกค่อนข้างจะจับตัวไว เวลาใช้งาน ทำให้ต้องปรับตัวเล็กน้อย ค่อนข้างจะเชื่อขนมกินได้เวลาใช้งานว่าควบคุมได้สบายใจ ส่วนอัตราสิ้นเปลือง ฮอนด้าเคลมระบุไว้บนอีโคสติกเกอร์ 16.4 กม./ลิตร แต่จากการลองขับตัวเลขอยู่ที่ 13.5-14 กม./ลิตร ด้วยสภาพเส้นทางและลักษณะการขับขี่ถือว่าไม่ได้ห่างไกลความจริงมากนัก

                สรุปโดยรวม…ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เป็นรถเรียบหรู แม้ฮอนด้ายืนยันว่ามันมีความพรีเมียม แต่ส่วนตัวถ้าความพรีเมียมมีสัก 5 ระดับ แอคคอร์ด ใหม่ รุ่น TURBO EL น่าจะอยู่สักเลเวล 3  ความเรียบง่ายจนเกินไปก็ดูจะส่งผลต่อความคาดหวัง เพราะความพรีเมียมไม่ใช่แค่เรื่องของดีไซน์เท่านั้น แม้จะมีระบบ Honda Lane Watch และกล้องมองหลัง การไม่มีระบบความปลอดภัยชุดใหญ่อย่างฮอนด้า เซนซิ่ง พวงมาลัยปรับมือ 4 ทิศทาง ไม่มีแท่นชาร์จมือถือแบบ wireless charger กระจกมองหลังไม่ปรับลดแสงอัตโนมัติ ไม่มีช่องจ่ายไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง การลดทอนหลายสิ่งไปก็ลดความหรูหราลงไปด้วยตามลำดับ

                แม้จะไม่เหมาะกับกลุ่มคนที่นิยมรถออปชั่นเยอะ แต่ด้านสมรรถนะของตัวรถน่าจะถูกใจกลุ่มวัยกลางคนที่ยังละทิ้งตัวตนเดิมที่ชื่นชมความเร้าใจไปไม่ได้ ขับสนกุคล่องตัว ภายนอกดูหรู มีราคา ทุกอย่างดูลงตัวและตอบโจทย์ในแบบกำลังดี ทั้งการวางราคาและตำแหน่งทางการตลาดที่อาจจะยั่วใจและกวาดต้อนกลุ่มคนมีกำลังทรัพย์ที่อายุไม่มากนักให้เข้ามาเป็นลูกค้าได้ เพราะราคา 1,475,000 บาท เจรจาเซลส์ดี ๆ มีส่วนลดสักหน่อย ก็ชวนให้ขยับจาก ซีวิค เทอร์โบขึ้นไปได้ไม่ยาก

Comments are closed.