All-New Haval Jolion Hybrid SUV กระแสแรงคนแห่เข้าคิวรอสัมผัส “ตัวจริง” ในงาน Motor Expo 2021

0

GWM Thailand (Great Wall Motors Thailand) หนุน “ความปัง” ให้งานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 (The 38th Thailand International Motor Expo 2021) เปิดฉากวันแรก ด้วย “เซอร์ไพรส์”จากผู้ชมที่มา “ต่อคิว” กันอย่างหนาตาในระยะ Social Distancing บริเวณทางเข้าหลัก ชนิดที่เรียกได้ว่าน่าสงสัย กระทั่งความจริงปรากฏ เมื่อถึงเวลาเข้างาน ด้วยเพราะประชากรส่วนใหญ่ พร้อมใจกันมุ่งหน้าเข้าพื้นที่บูธ GWM Thailand กันอย่างล้นหลาม All-New Haval Jolion Hybrid SUV

จนถึงขนาดที่เราต้องตามไปดู จึงได้รู้ว่า งานนี้ GWM Thailand แห่งแดนมังกร เตรียมความพร้อมมาอย่างดี บนพื้นที่ขนาดใหญ่ยักษ์ ซึ่งเนรมิตให้เป็นอาณาจักรอันน่าตื่นตาตื่นใจแห่ง “ยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า (XEV) และเทคโนโลยีสุดล้ำ” ที่ประกอบด้วย พี่ใหญ่สุดแห่งสาย Hybrid SUV อย่าง All New Haval H6 ไล่ลงมา คือ หนุ่มน้อยพลังไฟฟ้า หน้าตาน่ารัก ในพิกัดเล็กอย่าง Ora Good Cat  ก่อนจะส่งต่อไปยังความพิเศษระดับไฮไลต์ คือ All New Haval H6 ในรูปแบบของยนตรกรรม Plug-in Hybrid SUV ที่ใช้งาน Motor Expo 2021 นี้เป็นเวที “โชว์ตัวครั้งแรกของโลก”

แต่เหนืออื่นใดเลย คือ ความคึกคัก โดยรอบพื้นที่จัดแสดง “เจ้าสิงโตอารมณ์ดี” All New Haval Jolion Hybrid SUV ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน และกลายเป็นกระแสโด่งดังชั่วข้ามคืน ต่อเนื่องมาถึงเป็นยนตรกรรมระดับ “แม่เหล็ก” แห่งบูธ GWM Thailand ด้วยประเด็นหลักๆ อย่างความ “คุ้มค่า” ที่มีมาให้รอบด้าน ภายใต้เพดานราคาสูงสุดรุ่นท็อป “ไม่ถึงล้าน” ซึ่งถ้าหากนึกไม่ออกว่ามีอะไรบ้าง เราจะมาเล่าให้ฟัง

All New Haval Jolion Hybrid SUV ถูกวางตำแหน่งให้เป็น Hybrid SUV “น้องชาย” ของ All New Haval H6 ซึ่งใช้แพลตฟอร์มประสิทธิภาพสูง GWM Lemon Platform เช่นกัน แต่มีการปรับพิกัดตัวถังให้มีขนาดกะทัดรัดมากขึ้นแบบ Compact SUV ด้วยความยาว 4,472 มม. ความกว้าง 1,841 มม. ความสูง 1,619 มม. วางตัวบนฐานล้อยาว 2,700 มม. พร้อมแทรคล้อด้านหน้า 1,577 มม. และด้านหลัง 1,597 มม.

All New Haval Jolion Hybrid SUV งานดีไซน์ขอยกให้เป็น “ความชอบส่วนบุคคล” แต่ถ้าพูดถึงภาพรวมต้องบอกเลยว่า “สะดุดตา” ในการนำเสนอความหรูหรา ผสานความโฉบเฉี่ยว เสริมความเด่นดังด้วย ไฟหน้า LED เต็มรูปแบบ Daytime Running Light ดีไซน์ล้ำ ไปจนถึงระบบไฟ Welcome Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ตลอดจนชุดไฟท้าย พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 ก็ให้แบบ LED มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทั้งยังตอกย้ำเรื่องความปลอดภัยด้วยชุดไฟตัดหมอกหลัง

ขณะที่องค์ประกอบอื่นๆ ประกอบด้วย ชุดกระจังหน้า Star Matrix ดีไซน์ในโทนสีดำ-เทา ประทับตราโลโก้HAVAL ไว้ที่กึ่งกลาง ตามมาด้วยด้านบน ซึ่งมากับหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค, สปอยเลอร์ด้านหลัง และเสาอากาศแบบ Shark Fin ก่อนนำสายตามาเจอกับรูปทรงของ Diffuser สไตล์สปอร์ต รับกับล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ภายในห้องโดยสาร All New Haval Jolion Hybrid SUV “ดีงาม” เกินคาดหมายภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” ที่โดดเด่นด้วยกว้างขวางระดับ 360 องศา และการตกแต่งแบบ Two Tone ตัดด้วยรายละเอียดจากลายเส้นสี Rose Gold, Silver, Piano Black และ Chrome

ขณะที่ออพชั่นมาตรฐานก็จัดให้อย่างคับคั่ง ตั้งแต่ กุญแจ Smart Key, ระบบ Push Start และจุดเด่นในเรื่องของการเชื่อมต่อหน้าจอทั้ง 3 คือ หน้าจอกลางอัจฉริยะแบบTouch Screen Audio Display ความละเอียดสูง ขนาด12.3 นิ้ว, หน้าจอ  Multi Information Display ความละเอียดสูง ขนาด 7 นิ้ว และหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display

ตามมาด้วยด้วยระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา พร้อมระบบกรองอากาศ PM 2.5, Wireless Charger และจุดเด่นอย่างชุดเกียร์ไฟฟ้า Electronic Shifter ดีไซน์หรู พร้อมสีพิเศษแบบ High-Gloss  ก่อนจะเน้นความหรูหราให้ชัดเจนขึ้นด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังสังเคราะห์ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยในตำแหน่งคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง พร้อมระบบระบายความร้อน ขณะที่เบาะนั่งด้านหลัง มาพร้อมพนักเท้าแขนกลาง และช่องปรับอากาศ โดยมีด้านหลังสุดที่มากับความอเนกประสงค์ เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุกสัมภาระได้สูงถึง 1,069 ลิตร

All-New Haval Jolion Hybrid SUV มากับศักยภาพการขับเคลื่อนสไตล์ Hybrid SUV ประกอบด้วย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า สร้างพละกำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 375 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ ในระบบที่เรียกว่าเกียร์ DHT ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับการขับเคลื่อนของรถยนต์ Hybrid โดยเฉพาะ

ทั้งยังมาพร้อมฟังค์ชั่นปรับเปลี่ยนโหมดขับขี่ 4 รูปแบบให้เลือก คือ มาตรฐาน, Sport, ECO และสภาพถนนลื่น ทั้งยังรวมไปถึงการติดตั้งเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ (Intelligent Single Pedal) มาให้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน โดยผู้ขับขี่จะสามารถเร่ง หรือชะลอความเร็วได้ด้วยการใช้คันเร่งเพียงอย่างเดียว อันเป็นองค์ประกอบเพื่อสร้างจุดเด่นในเรื่องของประสิทธิภาพการขับเคลื่อน

รวมไปถึงระบบช่วงล่างที่มีการปรับเซ็ทให้ตอบโจทยทุกไลฟ์สไตล์ จากพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง และด้านหลังแบบทอร์ชันบีม (Torsion Beam) พร้อมเหล็กกันโคลง ตลอดจนจุดเด่นในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ในอัตราสิ้นเปลืองที่เคลมเอาไว้ถึง 23.8 กม./ลิตร

All New Haval Jolion Hybrid SUV แม้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะอยู่ในระดับที่ต้อง “ร้องว้าว” … แต่นั่นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดของสิ่งที่เรียกว่า “คุ้มค่า” เพราะมากไปกว่านั้น คือ ความน่าสนใจของเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อการอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยอีกมากมายก่ายกอง เช่น ฟังก์ชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Functions) อย่างการอัพเกรดเฟิร์มแวร์ สำหรับการควบคุมระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลัง ระบบการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ รวมถึงระบบ Infotainment และระบบควบคุมอื่นๆภายในรถได้อย่างง่ายดาย ผ่านระบบออนไลน์อัจฉริยะ (FOTA)

การสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Command) ที่สามารถจดจำเสียงได้เป็นอย่างดี เพื่อช่วยลดการใช้งานปุ่มกด ทั้งยังเป็นการเพิ่มความสะดวกสบาย และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุไปในตัวอีกด้วย

การสั่งการ และควบคุมรถผ่าน GWM APP ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมฟังก์ชั่นของรถยนต์ได้จากระยะไกล ไม่ว่าจะเป็น การควบคุมระบบปรับอากาศ, การล็อคประตู, การค้นหารถยนต์, การปิดหน้าต่าง, การควบคุมระบบการระบายความร้อนของเบาะ, การแสดงตำแหน่งรถยนต์, การกำหนดรัศมีการใช้งาน และการแสดงผลการตั้งค่าต่างๆ ของรถ

ด้านระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ และระบบความปลอดภัย ก็มีมาให้ไม่เบา เช่น ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC) ที่มาพร้อมกล้องติดรถยนต์ ADAS ทำงานร่วมกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ EYEQ4 ของโมบายอาย เพื่อควบคุมรถให้อยู่ในช่วงความเร็วที่กำหนด จากการปรับลดความเร็ว เพื่อรักษาระยะห่างจากถคันหน้า ไปจนถึงการหยุด และรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้  ตลอดจนการเข้าโค้งอัจฉริยะ ซึ่งระบบ ACC จะใช้กล้องตรวจสอบความโค้งของถนน พร้อมกับปรับความเร็วโดยอัตโนมัติ หากจำเป็นต้องลดความเร็วในขณะเข้าโค้ง จากนั้นรถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

ต่อเนื่องด้วยระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ 3 รูปแบบ (IIP) ซึ่งใช้เซนเซอร์ และกล้องในการตรวจสอบ หรือตรวจจับวัตถุ และเครื่องหมายบริเวณช่องจอด หรือจุดจอดรถ เพื่อช่วยทำงานเต็มรูปในการเข้าจอด ทั้งแนวตรง แนวเฉียง และจอดเทียบข้าง

พร้อมด้วยกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ประกอบด้วยกล้อง 4 ตัว ความละเอียดคมชัด 4 Megapixel ที่รวมเอามุมมองภาพทั้ง 4 กล้อง มาสร้างภาพที่มีมุมมอง 360 องศาจากมุมบน เพื่อช่วยให้การขับขี่ในทุกสถานการณ์เป็นเรื่องง่าย

ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรง และทางแยก (AEBI) มาพร้อมระบบการตรวจจับรถยนต์, ผู้ขับขี่จักรยาน และคนเดินถนน ทั้งทางตรง และทางแยก พร้อมความสามารถในการคำนวณระยะทางแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะมีสัญญาณเตือนด้วยเสียง และระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ คอยช่วยหลีกเลี่ยงการชน หรือลดแรงกระแทก ตลอดจนมีการเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง โดยใช้เรดาร์เพื่อพิจารณาระยะทาง, ทิศทาง และความเร็วสัมพันธ์ของรถคันอื่น

ระบบช่วยเตือน และเบรก เมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTB) โดยส่งสัญญาณเตือนด้วยเสียง และหยุดรถเพื่อหลีกเลี่ยงการชนระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS) ทำงานร่วมกับ Lane Center Keeping ด้วยการตรวจสอบรถบรรทุกขนาดใหญ่ หรือรถที่มีขนาดยาว หรือสูง ในระหว่างการขับผ่านทางด้านซ้าย หรือด้านขวา จากนั้นจะเบี่ยงเพื่อเพิ่มระยะห่างตามระยะที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และกลับสู่กึ่งกลางของเลนเดิมอัตโนมัติ

ระบบช่วยลงทางลาดชัน (HDC) และระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA), ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ช่วยควบคุมพวงมาลัยให้รถอยู่ในเลน, ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) แจ้งเตือนเมื่อรถกำลังออกนอกเลน และระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) ช่วยควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน ที่จะทำงานบนความเร็วตั้งแต่ 60-150 กม./ชม.)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK) ในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกจากเลนโดยไม่รู้ตัว หรือเปิดไฟเลี้ยว และทำการเปลี่ยนเลนทันที โดยมีความเสี่ยงต่อการชนกับรถยนต์ที่ตามมาด้านหลัง ระบบจะทำการแจ้งเตือน และแทรกแซงการปรับพวงมาลัยแบบฉุกเฉิน เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือการเกิดอุบัติเหตุ

ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (BSD), ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู (DOW) ที่จะแจ้งเตือนหากระบบตรวจพบเป้าหมายที่เสี่ยงต่อการชนหากเปิดประตูรถยนต์หลังจากจอดรถยนต์ และระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS) ไปจนถึงระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วเฉลี่ยเกิน 65 กม./ชม. ต่อเนื่องมากกว่า4 ชั่วโมง ระบบจะแจ้งเตือน และแนะนำให้หยุดพักด้วยภาพและเสียงนาน 20 วินาที ทุกๆ10 นาที

แน่นอนว่า All New Haval Jolion Hybrid SUV “ดูด้วยตา และฟังด้วยหู” คงรู้เรื่องราวได้ไม่ชัด งานนี้ทาง GWM Thailand จึงจัดเตรียมรถทดลองขับเอาไว้ให้แบบครบครันทั้ง All New Haval H6, Ora Good Cat และพระเอกของงานอย่าง All New Haval Jolion ที่บอกเลยว่า แค่เฉพาะพื้นที่จัดงานคงไม่อาจสัมผัสความ “คุ้มค่า” ได้อย่างเต็มที่

เพราะงั้นส่วนหนึ่งของลานริมทะเลสาป จึงถูกเปลี่ยนเป็นสนามเฉพาะกิจ โดยมีสถานีทดสอบต่างๆ ไว้รองรับ เพื่อให้ใช้ศักยภาพตัวรถกันแบบไม่มียั้ง ภายใต้การดูแล และให้คำแนะนำของทีมงานอย่างใกล้ชิด จนเป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้เข้าชมงานให้ความสนใจไม่น้อยไปกว่าพื้นที่จัดแสดง

ชนิดที่หลายคนอาจ “บ่น” เรื่องความ “นาน” ในการรอคิว แต่ท้ายที่สุดหลังจากผ่านช่วงนั้นไป คุณจะได้ความ “พอใจ” เป็นอย่างมากมายกลับมา เพราะได้เข้าถึง และสัมผัส All New Haval Jolion อย่างลึกซึ้ง ราวกับคุณได้เป็นเจ้าของเข้าจริงๆ แล้วยิ่งเมื่อประกอบกับ “ราคา” แสนคุ้ม “รุ่นท็อป ไม่ถึงล้าน” ที่คุณท่องไว้ในใจ บอกเลยว่าอาจจะมี “ใบจอง” ติดไม้ติดมือกลับบ้านมาแบบไม่รู้ตัวแน่นอน

ฉะนั้นใครที่อยากสัมผัส All New Haval Jolion แบบครบรสชาติ ทั้งรูปลักษณ์, ออพชั่น และสมรรถนะที่งานนี้ทาง GWM Thailand เปิดโอกาสให้ “ลองของ” ได้มากกว่าแบรนด์ใดๆ … ต้องรีบแล้วล่ะครับ กับงาน The 38th Thailand International Motor Expo 2021 ที่ IMPACT Challenger เมืองทองธานี ตั้งแต่วันนี้ – 12 ธันวาคม นี้เท่านั้น

Comments are closed.