ค่าย Audi เปิดตัวโมเดลล่าสุด A3 Sedan ในฐานะเจนเนอเรชั่นที่ 2 ออกมาสานต่อความสำเร็จ ด้วยการยกระดับเต็มขั้น ตั้งแต่โครงสร้างตัวถังที่ยาวขึ้นอีก 4 ซม. เป็น 4.5 เมตร ตามด้วยความกว้างที่ขยับไปอีก 2 ซม. เป็น 1.82 เมตร ปิดท้ายด้วยความสูงที่ปรับเพิ่มเพียง 1 ซม. ไปอยู่ที่ 1.43 เมตร ขณะที่ระยะฐานล้อยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนผลลัพธ์ของการปรับขนาดตัวถังใหม่ ทำให้ระยะ Headroom ในส่วนตอนหน้าของห้องโดยสารได้รับการเพิ่มขึ้นอีก 2 ซม. ตลอดจนการขยับตำแหน่งเบาะนั่งคนขับให้ต่ำลง ทำให้มีพื้นที่ในช่วงศอก Elbow Room เพิ่มขึ้นเช่นกัน พร้อมด้วยห้องเก็บสัมภาระที่ยังคงมีขนาดใกล้เคียงกับเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา คือ 425 ลิตร
รายละเอียดการออกแบบภายนอก สะดุดตาด้วยชุดกระจัง Singleframe ขนาดใหญ่ลวดลายรังผึ้ง ที่ซุกซ่อนเทคโนโลยี Active Grille Shutter ไว้ด้านหลัง ประกบด้วยชุดไฟหน้าดีไซน์เฉียบ ที่จัดแบบ Matrix LED Technology มาให้ในเวอร์ชั่นท็อป เสริมความเด่นด้วยชุดไฟ Daytime Running Lights สไตล์ดิจิตอลในตัวโคม
ในมุมมองด้านข้างของเวอร์ชั่นซีดานมากับความต่างจากเวอร์ชั่น Sportback ในช่วงท้ายที่มีความยาวเพิ่มขึ้น 15 ซม. เสริมด้วยความเฉี่ยวจากแนวเส้นหลังคาจากจุด B-Pillar ที่ลาดเอียงสู่ด้านหลังในสไตล์ Coupe ซึ่งแถมความโดดเด่นจากชุดสปอยเลอร์ฝากระโปรงท้าย ปิดท้ายด้วยชุด Diffuser กันชนหลัง ซึ่งทั้งหมดของงานดีไซน์ คือ สิ่งที่ช่วยยกระดับความสามารถด้านอากาศพลศาสตร์ให้ดีขึ้นกว่าเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา 0.04 กับตัวเลขระดับ 0.25 Cd
ภายในห้องโดยสารออกแบบโดยเน้นความสำคัญในตำแหน่งผู้ขับขี่เป็นหลัก พร้อมการติดตั้งฟังค์ชั่นสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น หน้าจอ Audi Virtual Cockpit Plus แบบดิจิตอลขนาด 10.25 นิ้ว ที่มากับระบบ Head-Up Display สำหรับแสดงผลบนกระจกบังลมหน้า ตามมาด้วยหน้าจอ MMI ระบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว สำหรับระบบ Infortainment ที่รองรับระบบนำทางรุ่นล่าสุด MMI Navigation Plus เจนเนอเรชั่นที่ 3 และระบบอำนวยความสะดวกอย่าง Audi Connect Services ตลอดจนการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนทั้งจาก Apple Car Play และ Android Auto
ด้านขุมพลังของ Audi A3 Sedan จัดมาให้ทั้งเครื่องยนต์เบนซิน TFSI และเครื่องยนต์ดีเซล TDI เปิดเกมส์ด้วยรุ่นย่อย 35 TFSI ขุมพลังเบนซิน พิกัด 1.5 ลิตร เรี่ยวแรง 150 แรงม้า มาพร้อมระบบส่งกำลังให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีดลูกใหม่ และเกียร์อัตโนมัติ S Tronic แบบ Quick-Shifting 7 สปีด
ซึ่งเวอร์ชั่นเกียร์อัตโนมัติ S Tronic Dual-Clutch จะยกระดับความสามารถขึ้นไปอีกขั้นด้วยการติดตั้งระบบ Mild Hybrid System เสริมแรงด้วยแบตเตอรี่ขนาด 48 โวลท์ เพิ่มพลังให้กับเครื่องยนต์ด้วยแรงบิดอีกราว 50 นิวตันเมตร โดยเฉพาะการจอดนิ่ง หรือเร่ง ขณะใช้ความเร็วต่ำ เพื่อลดภาระให้กับเครื่องยนต์ ไปพร้อมกับเสริมประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน
ส่วนทางฝั่งเครื่องยนต์ดีเซล TDI จะมากับพิกัด 2.0 ลิตร ซึ่งมีกำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า เช่นกัน และจะมีเฉพาะรุ่นที่เป็นเกียร์อัตโนมัติ S Tronic 7 สปีดเท่านั้น อีกทั้งในเวอร์ชั่นที่เป็นเกียร์อัตโนมัติยังมากับเทคโนโลยีการเปลี่ยนเกียร์ใหม่ที่เรียกว่า Shift-by-Wire
ปิดท้ายด้วยระบบช่วงล่างของ Audi A3 Sedan ทุกรุ่นจะได้รับการปรับแต่งใหม่ ซึ่งจะนำเสนอความสปอร์ต และความปราดเปรียวมากขึ้น พร้อมการติดตั้งฟังค์ชั่น Audi Drive Select มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน สำหรับปรับเปลี่ยนบุคลิก เพื่อเพิ่มเติมอรรถรสในการขับขี่
CR.NetCarShow.com
