Audi RS3 มากับดีกรีความเผ็ดร้อนไม่ธรรมดา

0

ค่าย Audi เอาใจสาวกยนตรกรรมสมรรถนะสูง ด้วยการส่งน้องเล็กอย่าง Audi RS3 สู่ตลาด โดยมีให้เลือกทั้งเวอร์ชั่น Sedan และเวอร์ชั่นที่ถูกใจเราอย่างมาก คือ  Hatchback ซึ่งหล่อเหลามากขึ้นด้วยฐานะแห่งตระกูล RS ที่มากับดีกรีความเผ็ดร้อนไม่ธรรมดา

ตั้งแต่รูปลักษณ์ที่ดุดันจากภายนอก อันประกอบด้วย ชุดกันชนหน้า RS พร้อมกระจังหน้าลายรังผึ้งแบบ Singleframe ประกบด้วยช่องดักอากาศขนาดใหญ่ เสริมด้วยช่องระบายอากาศหลังซุ้มล้อหน้า ที่มีการออกแบบให้โป่งล้อทั้งด้านหน้า และด้านหลังมีขนาดใหญ่ขึ้น จากการเพิ่มความกว้างฐานล้อหน้า 33 มม. และล้อหลัง 10 มม. เพื่อรองรับล้อขนาดมาตรฐาน 19 นิ้วลาย 10 ก้าน รัดด้วยยาง Pirelli P Zero รุ่น Trofeo R แบบกึ่งสลิคที่นำมาให้เป็นครั้งแรก ขณะที่มุมมองด้านหลังนั้นยังคงมากับความสะดุดตาสไตล์ RS ด้วยชุดกันชนท้าย พร้อม Diffuser และท่อไอเสียขนาดใหญ่ ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานที่ให้มานั้นประกอบด้วย ชุดไฟหน้าดีไซน์เฉียบคม พร้อมความโดดเด่นจากชุด DRL และไฟท้าย ที่เลือกใช้แบบ LED  ทั้งหมด โดยในส่วนของไฟหน้านั้นมีเวอร์ชั่น Matrix LED ให้เลือกเป็นออพชั่น

ด้านภายในห้องโดยสารมากับความเป็น RS เต็มระบบ ตั้งแต่ชุดพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น RS Sport แบบ 3 ก้านทรง D-Shaped ตกแต่งอย่างโดดเด่นด้วยแถบเส้นสีแดงที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา และโลโก้ RS ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา จับคู่อย่างลงตัวกับเบาะนั่ง RS Sport Seat ไปจนถึงพรมพื้น พร้อมด้วยการปูพรมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายที่ครบเครื่อง เช่น หน้าจอ Audi Virtual Cockpit Plus ขนาด 12.3 นิ้ว ที่เพิ่มฟังค์ชั่นการแสดงผลพิเศษเข้ามา อาทิ ระบบอ่านค่าแรง G-Force, การรับเวลา Lap Times รวมไปถึงเรื่องของอัตราเร่งตั้งแต่ 0-100 กม./ชม., 0-200 กม./ชม. จนถึงกระทั่งแบบควอเตอร์ไมล์

ขาดไม่ได้ก็คือความเร้าใจจากฟังค์ชั่น Audi Drive Select ให้เลือกปรับเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ ซึ่งมีโหมด RS เป็นไฮไลต์ ตลอดจนชุดหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว ที่มากับฟังค์ชั่น RS Monitor สำหรับแสดงผลระบบทำความเย็น, เครื่องยนต์, ระบบส่งกำลัง, อุณหภูมิน้ำมันเครื่อง จนถึงอุณหภูมิของลมยาง โดยสามารถแสดงผลดังกล่าวได้ผ่านหน้าจอ Head Up Display ได้เป็นครั้งแรกอีกด้วย

สำหรับขุมพลังของ Audi RS3 มากับเครื่องยนต์เบนซิน TFSI แบบ 5 สูบ พิกัด 2.5 ลิตร ที่มีเรี่ยวแรงถึง 400 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดระดับ 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด คลัทช์คู่ และติดตั้งระบบ Torque Splitter มาให้เป็นครั้งแรก สำหรับทำหน้าที่กระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หลัง รองรับด้วยระบบช่วงล่างแบบ RS Sports ที่ได้พัฒนาขึ้นใหม่

จนได้ผลลัพธ์ที่ตามมา คือ ความดุดันจากอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 3.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม. โดยหากติดตั้งออพชั่น RS Dynamic Package เพิ่มเติมจะขยับไปได้ถึง 290 กม./ชม. ควบคู่ไปกับการอัพเกรดขีดความสามารถจากระบบเบรกมาตรฐานแบบ 6 Pot พร้อมขนาดจานเบรกด้านหน้า 375 x 36 มม. และด้านหลัง 310 x 22 มม. ไปเป็นจานเบรกแบบ Ceramic ขนาด 380 x 38 มม. ในด้านหน้า

 

CR.Netcarshow.com

Comments are closed.