BMW M2 งานดีไซน์ที่ “ฉีกกรอบ” อย่างสิ้นเชิง

0

ในที่สุด BMW M ก็ปล่อยเจนเนอเรชั่นที่ 2 ของ ตัวเล็กพิกัดเล็กอย่าง BMW M2 ออกมาทั้งยังมากับงานดีไซน์ที่ “ฉีกกรอบ” อย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่มุมมองด้านหน้าที่มากับชุดกระจังแบบไร้กรอบ (Frameless) ขนาดใหญ่ ตามด้วยกันชนหน้าที่มากับช่องดักอากาศ 3 ช่องแบบ M-typical ในรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน เสริมด้วยจุดเด่น คือ ชุดไฟหน้าแบบ LED ที่มีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก BMW 2002 พร้อมการติดตั้งชุดไฟ Daytime Driving Lights ทรง U-Shaped

มุมมองด้านข้างมากับการนำเสนอความแข็งแกร่ง ด้วยความกว้างของงานดีไซน์บริเวณซุ้มล้อ ผสานด้วยแรงบันดาลใจจากรถแข่ง เพื่อสร้างคุณลักษณะเฉพาะของ BMW M เช่น ฝากระโปรงหน้าที่ทอดยาว, โอเวอร์แฮงค์สั้น และแนวหลังคาจากเสา B – Pillar ที่ลาดเอียงลงสู่ด้านหลังที่มีฝากระโปรงท้ายสั้นกระชับ ซึ่งได้รับการติดตั้งสปอยเลอร์หลังชิ้นเล็ก เพื่อเติมเต็มอารมณ์ความสปอร์ต และคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์

ส่วนล้ออัลลอยด์ที่ติดตั้งมาเป็นมาตรฐานจะมีขนาด 19 นิ้วในด้านหน้า และ 20 นิ้วในด้านหลัง โทนสีดำเงาตัดกับชุดคาลิปเปอร์เบรก M สีแดง ต่อเนื่องไปที่มุมมองด้านหลัง จะมากับการแสดงออกความทรงพลังที่มากขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเส้นสายแบบแนวนอน เพิ่มความสะดุดตาด้วย Diffuser กันชนหลังที่ออกแบบด้วยแรงบันดาลใจจากรถแข่ง และรับกับชุดท่อไอเสียคู่ซ้าย-ขวา

ภายในยังคงเน้นความสปอร์ตเป็นแนวทางหลักด้วยการตกแต่งจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ และหนังเกรดพรีเมี่ยม พร้อมงานดีไซน์สไตล์ M – Specific โดยไฮไลต์น่าสนใจก็คือ เบาะนั่งมาตรฐานจะมากับ M Sport Seat ปรับไฟฟ้า หุ้มด้วยหนัง Vernasca Leather/Sensatec ซึ่งมีออพชั่นไว้เอาใจสายแทรคเป็น เบาะนั่งแบบ M Carbon Bucket Seats ที่ลดน้ำหนักด้วยโครงสร้างเบาะทำจากวัสดุ Carbon Fibre-Reinforced Plastic (CFRP) ลดน้ำหนักไปได้ถึง 10.8 กิโลกรัม พร้อมด้วยจุดยึดเข็มขัดนิรภัยตามมาตรฐานการแข่งขัน

ตลอดจนฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกต่างๆ ยังคงมีมาให้อย่างครบครัน แถมด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษ จาก M Drive Professional สำหรับปรับแต่งระบบช่วงล่าง และระบบขับเคลื่อน พร้อมโหมดการขับขี่ M Mode 3 รูปแบบ ได้แก่ Road,Sport และ Track

ด้านไฮไลต์ของ M2 แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่อง “สมรรถนะ” ซึ่ง BMW M2 มากับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ พิกัด 3.0 ลิตร พร้อมระบบ Valvetronic และ Double VANOS ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ Direct Injection เสริมแรงด้วยระบบอัดอากาศ TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 460 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic พร้อม Drivelogic พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle shift ซึ่งมีออพชั่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีดให้เลือก

ส่วนระบบขับเคลื่อนยังคงเสิร์ฟความเร้าใจด้วย 2 ล้อหลัง และการควบคุมผ่านระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า Electric Power Steering ที่มากับระบบ M Servotronic ที่ปรับอัตราทดใหม่ให้ถ่ายทอดความเป็นสปอร์ตได้ชัดเจนมากขึ้น เช่นเดียวกับระบบช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension ที่ปรับแต่งพิเศษ บนพื้นฐานด้านหน้าแบบ Double Joint และด้านหลังแบบ Five-Link ตามด้วยระบบเบรกที่มากับจานขนาด 380 มม. จับคู่คาลิปเปอร์ 6 Pot ด้านหน้า และขนาด 370 มม. คู่คาลิปเปอร์ Single Pot ด้านหลัง

ปิดท้ายด้วยความเร้าใจของ BMW M2 ซึ่งต้นสังกัดได้เคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ 4.1 วินาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และ 4.3 วินาที สำหรับเกียร์ธรรมดา ต่อเนื่องด้วยความเร็ว 0-200 กม./ชม. กับตัวเลข 13.5 วินาที ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ และ 14.3 วินาที สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดา ขณะที่ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่ 250 กม./ชม. โดยสามารถทะลุไปถึง 285 กม./ชม. ได้ หากติดตั้งออพชั่น M Driver’s Package

 

CR NETCARSHOW.COM

Comments are closed.