Chevrolet Trailblazer 4×4 AT LTZ ขับรถเที่ยวคลองมะเดื่อ จุดเช็คอินยอดฮิตสายลุยมือใหม่

0

ต้อนรับหน้าฝน สุดสัปดาห์นี้ “ราชรถ” ได้รถยนต์อเนกประสงค์ฝั่งอเมริกันมาลองขับเที่ยวแบบ One Day Tripใกล้กรุงฯ ไปลุยคลองมะเดื่อ แหล่งท่องเที่ยวของคนออฟโรดสายลุยมือใหม่ หลายคนรู้จักนครนายกเมืองน้ำตกเลืองชื่อ ทางผ่านสู่ขุนเขาแหล่งโอโซนชั้นยอดของไทย งานนี้เรามีไอเทมเด็ดอย่าง Chevrolet Trailblazer 4×4 AT LTZ ว่ากันว่ารถรุ่นนี้คือ SUV สายลุยฝั่งอเมริกันที่น่าสนใจ เพราะตอบโจทย์การเดินไปกันได้ทั้งครอบครัว แถมขนสัมภาระอุปกรณ์เคลมปิ้งเล็กๆ ได้อีก

พร้อมแล้วไปสนุกกัน การเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปนครนายกทำได้สะดวกสบายวิ่งเส้นรังสิต-นครนายก เพียงไม่กี่อึดใจก็มาถึง “คลองมะเดื่อ” ซึ่งปัจจุบันหลายคนนิยมนำทางด้วยกูเกิ้ล เดี๋ยวนี้จะไปไหนก็ง่าย ไม่มีหลง ระหว่างทางเตรียมตัวให้พร้อมขนน้ำขนเสบียง แวะเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย อย่างที่ทราบกันดีแม้วันนี้สถานที่เที่ยวตามธรรมชาติหลายแห่งจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น แต่ห้องน้ำยังเป็นอะไรตื่นเต้นทุกครั้ง ถ้าไม่จำเป็นไม่อยากให้ไปพึ่งเอาข้างหน้า ก่อนเข้าไปสังเหตุได้ว่ารถยนต์ส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวจะเป็นรถสาย SUV หรือ PPV แทบทั้งสิ้น บางคันแต่งมาเต็มที่ยางเส้นโต ยกสูงพร้อมลุย

แต่อย่าพึ่งตกใจไป เดี๋ยวนี้คลองมะเดื่อไม่โหดเหมือนสมัยก่อนทางเข้าคลอง 1-3 มีการทำให้สะดวกสบายมากขึ้นไม่ต้องลุยมาก รถบ้านๆ ขับสี่ไปได้สบาย ส่วนสายลุยจะเข้าไปลึกอีกถึงคลอง 4-5 ซึ่งก็ต้องดูฤดูกาลฟ้าฝน ไม่งั้นได้ดังเหมือนในคลิ๊ปวีดีโอโดนน้ำพัดไม่รู้ด้วย วันที่เรามาเป็นช่วงเดือนมิถุนายน น้ำใสไหลเย็น พัดไม่แรงมาก Chevrolet Trailblazer 4×4 LTZ เป็นพาหนะชั้นยอดลุยไปได้สบายๆ พาเข้าไปเที่ยวพักผ่อน หลายคนเลือกที่จะเข้ามากางเต้นท์ หรือหาเช่าบ้าน ส่วนใหญ่จะมาเป็นก๊วน ทั้งกลุ่มรถยนต์ยกสูง หรือมอเตอร์ไซค์วิบาก ด้านในมีกิจกรรมหลายอย่างที่ชาวบ้านจัดไว้ให้สันทนาการทั้งเพ้นท์บอล ขี่เอทีวี หรือจะนั่งหย่อนขากินส้มตำไก่ย่างก็ว่าไป

Chevrolet Trailblazer 4×4 LTZ ทำให้เราประทับใจได้ไม่ยาก ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูแข็งแกร่งบึกบึน ในราคาที่เป็นมิตรเพียง 1,299,000 บาท จากราคาขายปลีกปกติ 1,479,000 บาท (โปรโมชั่นเดือนมิถุนายน) ถามว่าคุ้มไหม บอกเลยโครตคุ้ม รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ นั่งได้ 7 ที่นั่ง ล้านนิดๆ แถมออปชั่นจุใจชนิดที่ว่าให้มาแบบไม่เกรงใจคู่แข่ง

  •  เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนง่ายมาก โทรเข้า-ออก โดยไม่ต้องละมือออกจากพวงมาลัย นอกจากนี้คุณยังสามารถปิดเสียงและถือสายรอได้ด้วย

ภายในค่อนข้างประทับใจกับการออกแบบคอนโซลที่มีเอกลัษณ์ไม่เหมือนใคร ดูเป็นรถอเมริกันไม่จำเจ เน้นโทนสีดำโดดเด่นด้วยหน้าจออินเตอร์เฟซขนาดใหญ่ ทัชสกรีนลื่นไหล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่ควบคุมทุกอย่างได้ด้วยปลายนิ้วสัมผัส ห้องโดยสารของเทรลเบลเซอร์ ออกแบบมาให้มากด้วยประโยชน์ใช้สอย พื้นที่ภายในกว้างขวาง และสะดวกสบาย เบาะหนังพรีเมี่ยมที่เย็บด้วยด้ายอย่างประณีต คอนโซลกลางและเบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า พนักพิงของเบาะนั่งแถวที่ 2 และ 3 สามารถพับให้เป็นพื้นราบ ซึ่งคุณสามาถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามต้องการ  โดยหนนี้เราพับเบาะเพื่อใส่โต๊ะเก้าอี้  และของใช้จำเป็นสำหรับปิกนิกริมน้ำมานิดหน่อย

  • สามารถควบคุมการสื่อสาร และความบันเทิง ไม่ว่าจะโทรศัพท์ ฟังเพลง เลือกรายชื่อ หรือแม้แต่ค้นหาเส้นทาง จากสมาร์ทโฟนผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วหรือระบบสั่งการด้วยเสียง เพียงเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนและ Chevrolet MyLink ซึ่งให้ความสะดวกและความปลอดภัยในเวลาเดียวกัน

พลังที่ทำให้ไปได้ไกลกว่า!

หัวใจของ Chevrolet Trailblazer 4×4  LTZ วางเครื่องยนต์ดูราแม็กซ์ 4 สูบ ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร ที่ได้ปรับปรุงจูนใหม่เพื่อสมรรถนะที่ดีขึ้น ประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษไอเสีย (ผ่านยูโร 4 ) มีระบบเทอร์โบแปรผันหรือ VGT (Variable Geometry Turbocharger)  180 แรงม้า (132 กิโลวัตต์) ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิด 440 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำ 2,000 รอบต่อนาทีเครื่องยนต์ถูกควบคุมโดยกล่องควบคุม(ECU)โดยมีฟังก์ชั่นควบคุมมากกว่า 150 ทีเดียว  ระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ต้องบอกเลยว่าพละกำลังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขับสนุกใช้ได้ การออกตัวถือว่าไม่ขี้เหร่เลยทีเดียวครับ อัตราเร่งช่วงออกตัวจากหยุดนิ่งทำเอาผมเซอร์ไพรส์เพราะมันออกตัวได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้า หรือถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่างอีซูซู มิว เอ็กซ์ ผมว่า Chevrolet Trailblazer 4×4 LTZ คันนี้ออกตัวได้โดนใจผมมากกว่า การเร่งแซงเมื่อยามที่มีเพื่อนร่วมทางค่อนข้างหนาแน่น ก็ทำได้ดีรวดเร็วทันใจ ความคล่องตัวในการขับขี่ถือว่าดีสำหรับรถยนต์ไซส์ขนาดนี้

หลุดออกมานอกเมืองมีทางตรงยาวให้เราได้ทดลองสมรรถนะของเจ้าเครื่องยนต์ ดูราแม็กซ์ 4 สูบ ดีเซลเทอร์โบ 2.5 ลิตร 180 แรงม้าที่ปรับปรุงใหม่กันหน่อย กดคันเร่งแบบไม่รอช้าเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างรวดเร็วทันใจ ความเร็วไหลขึ้นอย่างต่อเนื่อง เครื่องยนต์ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ได้อย่างนุ่มนวล และลื่นไหล เพียงไม่นานก็สามารถทำความเร็วได้ทะลุ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ระบบช่วงล่างเป็นแบบคอยล์สปริงสี่ล้อ ช่วงล่างด้านหลังแบบมัลติลิงก์ พร้อมคอยล์สปริงและโช๊คอัพแก๊สและมีการติดตั้งยางรองตัวถังใหม่ เพื่อแยกห้องโดยสารออกจากแชสซีส์ เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้น นิ่งเมื่อใช้ความเร็วสูง นุ่มนวลเมื่อขับผ่านเส้นทางที่ขรุขระเป็นหลุมบ่อ และมีอาการโคลงน้อยมากเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วเพราะระบบกันสะเทือนถูกปรับตั้งใหม่พร้อมโช๊คอัพแบบไดเกรสซีฟ ที่จะช่วยให้ความรู้สึกในการขับขี่มั่นใจมากขึ้น

เอาละมาถึงเส้นทางที่เราจะได้ทดสอบระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ Chevrolet Trailblazer 4×4 LTZ กันดีกว่า ก่อนอื่นต้องบอกว่ามันเป็นเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-time แบบหมุนปุ่มเลือกโหมดการขับที่ใช้งานง่ายสบาย เพียงแค่หมุนปุ่มเท่านั้นรถก็จะปรับเปลี่ยนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อทันที ซึ่งแน่นอนจะมีทั้ง 4H ที่เหมาะกับการวิ่งถนนที่ลื่น ฝุ่น หรือลุยแบบเล็กๆที่ใช้ความเร็วได้ ส่วนอีกโหมดเป็น 4L โหมดนี้จะใช้ก็ต่อเมื่อคุณเจอกับสภาพเส้นทางที่เป็นโคลน ลื่น และหินลอยใหญ่ไม่สามารถใช้ความเร็วได้แต่ต้องการพละกำลังในการตะกุยสูง เส้นทางที่เราไปนั้นในช่วงแรกก็วิ่งขับเคลื่อน 2 ล้อได้อย่างสบายเพราะทางเข้าเป็นถนนลาดยาง แต่พอเข้าไปเรื่อยๆถนนเริ่มเล็กลงทางลาดยางหายไปกลายเป็นทางฝุ่นดินแดงแทนลึกเข้าไปอีกเส้นทางเริ่มมีหลุมบ่อมากขึ้นแถมมีน้ำขังเป็นบ่อโคลน เราปรับเปลี่ยนจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ให้เป็น ระบบขับเคลื่อ 4 ล้อ แบบ4H เพื่อความมั่นใจ แน่นอนเราวิ่งผ่านไปได้แบบสบายๆโดยใช้ความเร็วปกติ เส้นทางเริ่มโหดขึ้นเรื่อยๆเพราะมีฝนตกลงมาก่อนหน้า แถมด้านหน้าของเรามีน้ำขวางอยู่ ผมลงไปเดินดูปรากฏว่าพื้นด้านล่างเป็นหินลอย ซึ่งมันอาจจะมีโอกาสติดได้ เราเลยจอดรถเข้าเกียร์ N หมุนปุ่มจาก 4H ให้เปลี่ยนโหมดการขับเป็น 4L เพื่อวิ่งข้ามธารน้ำที่อยู่ด้านหน้าเพื่อจะได้มีแรงตะกุย และแรงฉุด ทำให้เราสามารถผ่านไปได้แบบสบายๆเลยครับ และนี้คือข้อดีของรถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในเชฟโรเลต เทรลเบลเซอร์ คันนี้ เพราะไม่ว่าทางจะทุรกันดารขนาดไหน มันก็สามารถพาคุณไปได้ในทุกที่ที่คุณอยากไป และมีโอกาสได้เห็นธรรมชาติอันแสนงดงาม เส้นทางที่สวยงาม มากกว่ารถยนต์ขับเคลื่อน 2 ล้อทั่วไป

ครบทุกความปลอดภัยที่เหนือกว่า

นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้โดยสารทุกคน รถเอสยูวีระดับพรีเมียมรุ่นนี้มาพร้อม ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา , ระบบเตือนการชนด้านหน้า ,เซ็นเซอร์ตรวจจับวัตถุขณะจอดรถด้านหน้าและด้านหลัง ,กล้องมองหลัง ,เซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณน้ำฝน ,ไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ,ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากช่องจราจร ,ระบบแจ้งเตือนการจราจรขณะถอยหลัง ,ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง ที่สามารถแสดงค่าแรงดันลมของยางทั้งสี่ล้อ และจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อแรงดันลมยางลดต่ำเกินไป ทั้งหมดนี้ช่วยให้การขับขี่ Chevrolet Trailblazer 4×4 LTZ คันสวยคันนี้ได้ง่ายดาย และปลอดภัยมากขึ้น

ก่อนกลับไม่ลืมที่จะแวะอุดหนุนชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ซึ่งฤดูนี้ของฝากยอดนิยมหนีไม่พ้น หน่อไม้สด ,หน่อไม้ดอง ,ผลไม้อย่างเงาะ ,ทุเรียน และน้อยหน่า ที่มีชาวบ้านปลูกอยู่ระหว่างทางเข้าคลองมะเดื่อ แต่ที่แปลกและต้องถามคือ “หอยหอม” เป็นอีกหนึ่งสินค้าของคนพื้นที่เก็บมาขาย เค้านิยมเอามาย่างกิน รสชาติเป็นไงเพื่อนคนไหนชิมแล้วมาบอกกันบ้าง

ระหว่างทางกลับออกจากนครนายกมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ไม่ลืมแวะซื้อของขึ้นชื่อ “น้ำมะยงชิดปั่น” ร้านสวนศรีทองหวานเปรี้ยวชื่นใจ เรียกความสดชื่อได้เป็นอย่างดี ก่อนแวะเดินตลาดโรงเกลือ ซื้อของติดไม้ติดมือกลับบ้าน ปิดท้ายด้วย “บะหมี่โหน่ง” ที่มีดีด้วยความฮาของเจ้าของร้าน แจกเสียงหัวเราะ เปิดบริการเฉพาะวันหยุดวีคเอน ขับรถต่อถึงกรุงเทพฯ ก่อนพระอาทิตย์ตกมีเวลาพักต่อสบายๆ ไม่เหนื่อยมาก เป็นยังไงกับทริ๊ปวันหยุดของเรา…..

แล้วเจอกันใหม่ทริ๊ปหน้า งานนี้ต้องขอขอบคุณเชฟโรเลต ประเทศไทยที่ให้ยืมไอเทมเจ๋งๆ อย่าง Chevrolet Trailblazer 4×4 LTZ

 

Comments are closed.