Ford F-150 Tremor อัพเกรดสมรรถนะเต็มพิกัด

0

Ford F-150 Tremor มากับฐานะของยนตรกรรมสายลุยเจนเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งมีจุดเด่นเป็นการอัพเกรดสมรรถนะแบบเต็มพิกัดในระดับที่เหนือกว่าเวอร์ชั่น FX4 ตั้งแต่โครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่งขึ้นด้วยส่วนประกอบด้วยวัสดุ ซึ่งใช้อลูมิเนียม ผสมผสานด้วยเหล็กกล้า High-Strength Steel Frame และเหล็ก High-Strength เกรดเดียวกับที่ใช้ในการสร้างพาหนะของกองทัพ

ส่วนรูปลักษณ์นำเสนอความแกร่ง ด้วยการปรับเปลี่ยนฝากระโปรงหน้า และแก้มหน้าใหม่ รับกับชุดกระจังหน้าที่เพิ่มความดุดันด้วยโทนสีดำของตราสัญลักษณ์ Ford Oval พร้อมกับสร้างความโดดเด่นด้วยการตกแต่งจากโทนสีส้ม Active Orange อันเป็นเอกลักษณ์ของเวอร์ชั่น Tremor ตั้งแต่ตราสัญลักษณ์ Tremor บริเวณด้านข้างกระบะ และบนฝาท้าย ซึ่งรวมถึงหูลาก 2 ตำแหน่ง ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่ลงตัวกับชุดท่อไอเสียคู่ ทั้งยังนำการตกแต่งจากโทนสีส้ม Active Orange ไปใช้กับภายในห้องโดยสาร เช่น การตัดเย็บเบาะนั่ง, คอนโซล และแผงประตู

สมรรถนะของ Ford F-150 Tremor เกิดขึ้นจากขุมพลังเบนซิน EcoBoost ขนาด 3.5 ลิตรแบบ V6 ที่มาพร้อมระบบ Selectable Drive Modes ให้เลือกปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่หลากหลายรูปแบบ เช่น Normal, Sport, Tow/Haul, Eco, Slippery, Deep Snow/Sand, Mud/Rut Modes Tremor และ Rock Crawl Mode เสริมด้วยตัวช่วย เช่น ระบบ Hill Descent Control และระบบ Trail Control

ตามด้วยการอัพเกรดระบบช่วงล่างขึ้นใหม่ ที่ประกอบด้วย การเพิ่มระดับความสูงใต้ท้องรถ ด้วยโช๊คอัพด้านหน้าเป็นแบบ Monotube และด้านหลังเป็นแบบ Twintube มาพร้อมชุดสปริงทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ซึ่งมีการเซ็ทอัพใหม่ให้มีความนุ่มนวลในความเร็วต่ำ ตลอดจนยกระดับประสิทธิภาพการขับขี่ในรูปแบบ Off-Road

ตามด้วยการติดตั้งล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง General Grabber All-Terrain ที่ช่วยเพิ่มความสูงตัวรถด้านหน้าขึ้น 1 นิ้ว และด้านหลังอีกราว 1.5 นิ้ว ไปจนถึงช่วยเพิ่มความกว้างแทรคล้อได้อีกประมาณ 1 นิ้ว พร้อมการติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถด้านหน้าแบบเดียวกับเวอร์ชั่น Raptor มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ทำให้สามารถลุยได้มากขึ้นด้วยมุมปะทะระดับ 27.6 องศา มุมคร่อมที่ 21,1 องศา และมุมจากที่ 24.3 องศา

ทั้งยังมากับการติดตั้งระบบเฟืองท้าย Differential Lock มาให้ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยสามารถเลือกอัพเกรดด้านหน้าให้เป็นแบบ Torsen® Limited-Slip Differential ได้ นอกจากนี้ในรุ่นย่อยท็อปสุดยังมาพร้อมระบบส่งกำลัง Transfer Case แบบ Torque-on-Demand ประสิทธิภาพสูงแบบเดียวกับที่ใช้ในเวอร์ชั่น Raptor ที่เหนือชั้นด้วยการรวมเอาคุณสมบัติของระบบขับเคลื่อนแบบ All-Wheel-Drive และแบบ Four-Wheel-Drive เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อยกระดับความสามารถในการขับขี่แบบ Off-Road ได้ในทุกรูปแบบถนน ตลอดจนเปี่ยมด้วยความแข็งแกร่ง ด้วยพลังลากจูงที่ทำได้ถึง 10,900 ปอนด์ หรือราวๆ 5,000 กก. และการรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ในระดับ 1,885 ปอนด์ หรือกว่า 850 กก. เลยทีเดียว

 

CR.NetCarShow.com

Comments are closed.