Jaguar F-Type & F-Type Convertible

0

เสืออังกฤษแบรนด์ Jaguar เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดแห่งตระกูล F-Type ภายใต้ตัวเลือกตัวถัง 2 สไตล์ คือ Coupe และ Convertible เปิดประทุน ขณะที่ความโดดเด่นของรูปลักษณ์นั้นประกอบด้วยชุดไฟ Daytime Running Lights รูปทรงตัวอักษร “J” ติดตั้งในชุดโคมไฟหน้าแบบ LED นอกจากนี้ชุดกระจังหน้ายังทำการขยายให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เน้นอารมณ์ความสปอร์ตด้วยโทนสีดำเงา Gloss Black ผสมผสานด้วยโทนสีดำ Satin Black เพื่อให้ดูมีมิติ ซึ่งมีกรอบกระจังเป็นวัสดุสี Noble Chrome แต่สามารถแปลี่ยนเป็นสีดำเงา Gloss Black เมื่อติดตั้งออพชั่น Black Pack หรือ Black Design Pack เพิ่มเติมจากมาตรฐาน อีกทั้งชุดกันชนยังได้รับการออกแบบใหม่ เพื่อให้เกิดความแตกต่างมากขึ้นในแต่ละรุ่นย่อยระหว่าง F-Type, F-Type R-Dynamic หรือรุ่น F-Type R

ด้านหลังมีการปรับเพิ่มความโฉบเฉี่ยวผ่านชุดไฟท้ายแบบ LED ที่เพรียวบางรับกับชุดไฟหน้า เสริมด้วยเอกลักษณ์งานดีไซน์กราฟฟิคที่เรียกว่า “Chicane” เช่นเดียวกับที่เคยเห็นไปในรถเอกประสงค์พลังไฟฟ้าอย่าง I-PACE ทั้งยังเป็นครั้งแรกของแบรนด์ Jaguar อีกด้วย ที่เลือกใช้ตราโลโก้ด้านหลังเป็นสีดำเงา Gloss Back หากเลือกที่จะติดตั้งออพชั่นตกแต่ง Black Pack หรือ Black Design Pack

ส่วนภายในนั้นมีการผสมผสานด้วยความสง่างามด้วยวัสดุหนัง Windsor และประสิทธิภาพในการใช้งาน ในสไตล์ของ British Jaguar ด้วยการตกแต่งในระดับงานฝีมือให้กับห้องโดยสารแบบ 1+1 ที่นั่ง โดยมีไฮไลต์เป็นหน้าจอมาตรวัด TFT ความละเอียดสูงแบบ HD ขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมลายกราฟฟิคที่เป็นเอกลักษณ์ของรุ่น F-Type และหน้าจอ Touch Pro Infotainment ระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว บนคอนโซลหน้า นอกจากนี้ยังมีการออกแบบเบาะนั่งใหม่ ให้มีขนาดบางลง ภายใต้หลักสรีระศาสตร์ พร้อมการปักรูปสัญลักษณ์ของแบรนด์ คือ เสือ Jaguar และตัวอักษร “R” บนพนักพิงศรีษะ โดยสามารถเพิ่มเติมออพชั่นระบบทำความร้อน หรือระบบระบายอากาศได้

ในเรื่องของขุมพลังยังคงนำเสนอตัวเลือกที่หลากหลายตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ที่มีกำลัง 300 แรงม้า ตามมาด้วยเครื่องยน์เบนซิน V6 ที่ขยับเรี่ยวแรงไปเป็น 380 แรงม้า ปิดท้ายด้วยตัวแรงอย่างขุมพลังเบนซิน V8 ที่มากับตราประทับเป็นอักษร “R” ซึ่งมีให้เลือกระหว่าง 450 แรงม้า และ 575 แรงม้า โดยทุกรุ่นจะมากับระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Quickshift พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ SportShift หลังพวงมาลัย ตลอดจนระบบท่อไอเสียที่มาพร้อมกับระบบ Active Exhaust System

ซึ่งความน่าสนใจนั้นอยู่ที่โมเดล F-Type R ที่มากับความสปอร์ตเต็มพิกัด จากขุมพลัง 5 ลิตร แบบ V8 พ่วง Supercharged ที่พกพาพละกำลังสูงสุดมาถึง 575 แรงม้า พร้อมแรงบิด 700 นิวตันเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิม 25 แรงม้า และ 20 นิวตันเมตร เสริมด้วยความมั่นใจในการขับขี่จากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มากับระบบ Torque On-Demand ซึ่งควบคุมโดยระบบ Intelligent Driveline Dynamics (IDD) โดยสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-60 ไมล์/ชม. ได้ใน 3.5 วินาที พร้อมท็อปสปีดสูงสุดที่จำกัดเอาไว้ 186 ไมล์/ชม.

ขณะเดียวกันระบบช่วงล่างอลูมิเนียมแบบดับเบิ้ลวิชโบนทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ก็ได้รับการปรับแต่ง อันประกอบด้วย ชุดสปริง และเหล็กกันโคลงใหม่ ตลอดจนระบบ Adaptive Dynamics เช่นเดียวกับระบบพวงมาลัยไฟฟ้า EPAS (Electric Power-Assisted Steering (EPAS) ซึ่งช่วยเพิ่มอรรถรสการขับขี่อย่างเหมาะสมในทุกย่านความเร็วได้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังมีการปรับแต่งการทำงานของระบบเบรกใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับการทำงานของระบบ Torque Vectoring เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากขึ้น โดยเฉพาะกับล้อด้านในโค้ง ที่จะช่วยลดอาการ “หน้าดื้อ” หรือ “Understeer” ขณะใช้ความเร็วสูงในโค้ง

ปิดท้ายด้วยเรื่องของระบบเบรก ซึ่งจัดจานเบรกด้านหน้าขนาด 380 มม. และด้านหลัง 376 มม. มาให้สำหรับโมเดลมาตรฐาน ส่วนรุ่นย่อย F-Type R จะมากับระบบเบรก Jaguar’s Carbon Ceramic Matrix (CCM) พร้อมจานเบรกขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 398 มม. ในด้านหน้า และ 380 มม. ในด้านหลัง คู่กับคาลิปเปอร์แบบ 6 Pot และ 4 Pot

นอกจากนี้ยังมากับยางที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษโดยเฉพาะ จากแบรนด์ Pirelli P Zero กับขนาด 265/35/ZR20 ในด้านหน้า และขนาด 305/30/ZR20 ในด้านหลัง จับคู่กับล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว  ที่มีขนาดกว้างขึ้นกว่าเจนที่แล้วราว 10 มม. เพื่อเพิ่ม Grip ในการยึดเกาะถนนมากขึ้น

Comments are closed.