Kia Sorento

0

The all-new Kia Sorento นับเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ซึ่งถูกเปิดตัวขึ้น พร้อมรายละเอียดเบื้องต้น ในการนำเสนอความสดใหม่ และยกระดับฐานะสู่การเป็นยนตรกรรมอเนกประสงค์ SUV ระดับ Flagship ของค่าย พร้อมคุณสมบัติที่สามารถตอบสนองได้ในทุกความต้องการใช้งาน

โดยรูปลักษณ์นั้นมากับความพรีเมี่ยม และล้ำสมัยมากขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ในการออกแบบที่เรียกว่า “Refined Boldness” ผสานด้วยการคงจุดเด่นของแบรนด์เอาไว้ เช่น มุมมองด้านหน้าที่มากับชุดกระจังสไตล์ “Tiger Nose” ที่ออกแบบให้มีความกว้าง ต่อเนื่องเป็นส่วนเดียวกับชุดไฟหน้า ซึ่งสร้างความโดดเด่นด้วยชุดไฟ DRL – Daytime Running Light ดีไซน์ใหม่ในโคมไฟหน้าที่มีชื่อว่า “Tiger Eyeline” เสริมด้วยชุดกันชนหน้าที่มากับช่องดักอากาศทรงสี่เหลี่ยม

ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นบนโครงสร้างตัวถังใหม่ ทำให้มิติตัวถังของ The all-new Kia Sorento มากับความกว้างที่เพิ่มขึ้น 10 มม. เป็น 1,900 มม. รวมถึงความยาวตัวรถที่ยาวขึ้นอีก 10 มม. เป็น 4,810 มม. พร้อมการปรับระยะโอเวอร์แอ็งค์ทั้งด้านหน้า และด้านหลังให้สั้นลง ตามด้วยการเพิ่มระยะความยาวฐานล้ออีก 35 มม. เป็น 2,815 มม. ปิดท้ายด้วยการสร้างอารมณ์ความปราดเปรียวลักษณะของฝากระโปรงหน้าที่ยาวขึ้นจากการเปลี่ยนตำแหน่งของเสา A-Pillar ถอยหลังลงมาอีก 30 มม.

ในมุมมองด้านหลังมากับงานออกแบบชุดไฟท้ายทรงแนวตั้งที่โอบล้อมาถึงด้านข้างตัว โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Kia Telluride เสริมด้วยเส้นสายแนวนอนที่คมชัด เพื่อให้อารมณ์ความกว้างขวาง ผสานด้วยความสปอร์ตจากชุดกันชนหลังที่ออกแบบให้รับกับชุดท่อไอเสียคู่ ทรงเหลี่ยม รวมถึงการออกแบบสปอยเลอร์หลังคา ซึ่งซุกว๋อนที่ปัดน้ำฝนด้านหลังอย่างแนบเนียน เพื่อไม่ให้บดบังทัศนวิสัยเมื่อมองกระจกหลัง ก่อนจะปิดท้ายด้วยเอกลักษณ์ที่สืบทอดมาจากเหล่าพี่ๆ ในสังกัดอย่าง Telluride หรือ ProCeed กับการติดตั้งอักษรชื่อรุ่น Sorento ไว้ที่บริเวณฝาท้าย แถมยังทำเซอร์ไพรส์ด้วยการมีล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้วไว้ให้เลือกเป็นครั้งแรกอีกด้วย

ภายในห้องโดยสารมีการปรับปรุงในเรื่องของงานดีไซน์ที่เน้นความกว้างขวาง พร้อมด้วยการยกระดับจากการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เช่น หน้าจอขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว และ Infotainment ขนาด 10.25 นิ้ว ที่รองรับระบบนำทาง Navigation ตลอดจนออพชั่นมาตรฐานอื่นๆ เช่น ระบบชาร์จแบบไร้สาย Wireless Smartphone Charger ไปจนถึงชุดเครื่องเสียงชั้นนำจากแบรนด์ BOSE

ขุมพลังในช่วงเปิดตัวจะมากับเครื่องยนต์ดีเซล Smartstream พิกัด 2.2 ลิตร ที่มากับพละกำลัง 202 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด DCT คลัทช์คู่ โดยในอนาคตนั้นมีแผนเตรียมที่จะปล่อยเวอร์ชั่น Hybrid ออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งจะมากับเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร T-GDi (Turbocharged Gasoline Direct Injection) ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.49 กิโลวัตต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 44.2 กิโลวัตต์ ที่รวมกันสร้างพละกำลังสูงสุดที่ 230 แรงม้า และมีแรงบิดถึง 350 นิวตันเมตร โดยเลือกจับคู่กับชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

 

CR.NetCarShow.com

Comments are closed.