Mercedes-Benz S-Class เจนเนอเรชั่นล่าสุด

0

Mercedes-Benz เผยรายละเอียดของ The New S-Class ยนตรกรรรมหรู เจนเนอเรชั่นล่าสุด ที่มาพร้อมการนำเสนอประสบการณ์ความพรีเมี่ยมในทุกรายละเอียด ผสมผสานด้วยความโดดเด่นจากนวัตกรรมล้ำสมัยแห่งโลกดิจิตอล ภายใต้ความคลาสสิคของรูปลักษณ์ ตามมาตรฐาน S-Class ที่หรูหราสง่างาม และการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ที่ทำให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียทานต่ำเพียง 0.22 Cd

โดยด้านหน้ามากับชุดกระจังหน้าอันหรูหรา ประกบด้วยชุดไฟหน้า LED แบบ Digital Light ที่มาพร้อมระบบไฟ Daytime Driving Light 3 ตำแหน่ง ส่วนด้านข้างมากับมือจับเปิดประตูที่พัฒนาขึ้นใหม่เป็นแบบไฟฟ้า ซึ่งมาพร้อมชุดกุญแจแบบ Keyless-Go และล้ออัลลอยด์ที่มีตั้งแต่ขนาด 18 นิ้ว ถึง 21 นิ้วในแต่ละรุ่นย่อย ขณะที่มุมมองด้านหลังมากับความโดดเด่นในรายละเอียดการออกแบบ ลงตัวกับฟังค์ชั่นการเคลื่อนไหวของชุดไฟท้ายที่มีความไดนามิค

ส่วนจุดเด่นความล้ำหน้าด้านนวัตกรรม นั้นประกอบไปด้วย ระบบ MBUX (Mercedes- Benz User Experience) ซึ่งก้าวมาสู่เจนเนอเรชั่นที่ 2 ในโมเดล S-Class ใหม่ ที่พัฒนาให้ทั้งซอฟแวร์ และฮารด์แวร์ ก้าวหน้าขึ้นไปอีกระดับ ทั้งยังใช้งานได้อย่างง่ายดายจากระบบสั่งการด้วยเสียงที่เพียงแค่พูดว่า “Hey Mercedes” พร้อมการแสดงผลบนหน้าจอ Media Display ขนาด 12.8 นิ้ว ที่ใช้เทคโนโลยีแบบ OLED เช่นเดียวกับหน้าจอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่ Driver Display เป็นแบบ 3 มิติขนาด 12.3 นิ้ว ที่นำมาใช้เป็นครั้งแรก รวมไปถึงระบบ HUD (Head Up Display) ใหม่ ที่มากับความล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ที่แสดงข้อมูลได้อย่างชัดเจน และเสมือนจริง โดยเฉพาะระบบนำทาง Navigator ที่แสดงผลในรูปแบบลูกศรก้างปลา “Fishbones”

ภายในห้องโดยสารมากับการดีไซน์ที่ผสมผสานของความเป็นยุคดิจิตอล และยุคอนาล็อค ซึ่งทั้งหมดนั้นมีแรงบันดาลใจมาจากการออกแบบ “เรือยอร์ช” ขณะที่ชุดแดชบอร์ด, คอนโซลกลาง และพนักวางแขน ได้รับการออกแบบให้เหมือนงานแกะสลักแบบลอยตัว ตลอดจนการใช้เส้นสายแนวนอนบนคอนโซลเพื่อช่วยให้เกิดความรู้สึกกว้างขวาง รวมถึงสร้างอารมณ์เรียบง่ายหรูหรา ด้วยการลดจำนวนปุ่มควบคุมบนชุดคอนโซลลง

เบาะนั่งสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ด้วยการออกแบบสไตล์ 3 มิติ ลวดลาย Diamond Pattern ตัดเย็บและหุ้มด้วยวัสดุหนัง Nappa และหนัง Nappa Exclusive พร้อมกับติดตั้งมอเตอร์สำหรับควบคุมเบาะนั่งคู่หน้าเอาไว้ทั้งหมดถึง 19 ตัว ตลอดจนการพัฒนาโปรแกรม Energizing Comfort ขึ้นใหม่ เพื่อสร้างความสบายสูงสุดให้ภายในห้องโดยสาร

ขุมพลังมากับพื้นฐานเครื่องยนต์แบบ 6 สูบ พิกัด 3 ลิตร เริ่มจากรุ่นย่อยฝั่งเครื่องยนต์ดีเซล คือ S350d พละกำลังสูงสุด 286 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic ซึ่งเคลมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เอาไว้ที่ 6.4 วินาที ตามมาด้วยรุ่น S350d 4Matic ที่อัพเกรดสมรรถนะเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4Matic) ที่มีอัตราเร่งเร้าใจขึ้นเป็น 6.2 วินาที ส่วนรุ่นท็อปสุดยกให้กับ S400d 4MATIC ซึ่งมีเรี่ยวแรงสูงขึ้นเป็น 330 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ 700 นิวตันเมตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4Matic) และความเร้าใจด้วยตัวเลข 0-100 กม./ชม. ใน 5.4 วินาที โดยทุกรุ่นจะมากับความเร็วสูงสุดที่ 250 กม./ชม.

รุ่นเครื่องยนต์เบนซินมากับ 2 รุ่นย่อย คือ S450 4Matic ที่มีพละกำลังสูงถึง 367 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบ EQ Boost จำนวน 22 แรงม้า และแรงบิดที่ 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4Matic) ที่ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 5.1 วินาที โดยมีเวอร์ชั่นแรงสุดดป็นรุ่นย่อย S500 4Matic ที่อัพเกรดพละกำลังสูงเป็น 435 แรงม้า พร้อมแรงบิด 520 นิวตันเมตร เสิรมระบบ EQ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด 9G-Tronic สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4Matic) เช่นกัน แต่ร้ายกาจมากกว่าอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที ขณะที่ความเร็วสูงสุดยังตรึงเอาไว้ที่ 250 กม./ชม.

 

CR.NetCarShow.com

Comments are closed.