MG V80 ทางเลือกรถครอบครัวใหญ่

0

เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย แจ้งเกิดในประเทศนี้มาเพียง 5 ปี นับเป็นน้องใหม่ในแทบทุกเซ็กเมนท์ของตลาดรถยนต์ไทย คือ ผู้เล่นหน้าใหม่ที่กระโดดลงมาลุยขายรถตู้ เพราะเชื่อว่ายังมีพื้นที่ให้ยืนและสามารถเติบโตได้ ด้วยการแหวกช่องว่างเล็กๆ ที่เจ้าตลาดปล่อยว่างไว้มานาน คือ การทำรถ Passenger Van ขนาด 11 ที่นั่ง ในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้

NEW MG V80 จึงถูกวางตำแหน่งมาให้เป็นรถตู้ส่วนบุคคลมากกว่าเพื่อการพานิชย์ ตัวถังออกแบบกระเดียดไปทางรถตู้สไตล์ยุโรป เครื่องยนต์วางด้านหน้าขับเคลื่อนล้อหน้า ต่างจากคู่แข่งที่เครื่องวางใต้เบาะที่นั่งแถวหน้า มิติตัวถังมีความกว้าง 1,998 มม. ยาว 4,950 มม. สูง 2,132 มม. ระยะฐานล้อ 3,100 มม.ชูจุดเด่นเรื่อง ห้องโดยสารที่กว้าง โปร่ง แบบ Flat Floor คือ เป็นพื้นเรียบ สามารถเดินถึงกันได้แบบ Walk Through  ซึ่งภายในห้องโดยสารสูง 1,505 มม. กว้าง 1,770 มม.

ออกมาให้มีประตูแบบสไลด์ 2 บาน แม้จะไม่ใช่ประตูไฟฟ้า แต่ทดแทนด้วยบันไดข้างไฟฟ้าอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกในการขึ้นลง ประตูท้ายเป็นการเปิดแบบบานคู่ 50:50 (เปิดแบบตู้กับข้าว) ซึ่งเปิดได้กว้างถึง 180 องศา ด้วยการปลดล็อคที่ตัวล็อคภายในขอบประตู ทำให้สะดวกในการใช้งานมากกว่าประตูท้ายแบบเปิดขึ้นเหมือนรถตู้ทั่วไป

ซึ่งจากพื้นฐานของตัวรถในเบื้องต้น จะเห็นได้ว่า MG V80 มุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์นั่งขนาดใหญ่เพื่อการเดินทางแบบครอบครัว เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์ที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเดินทางของสมาชิกในครอบครัวหรือเป็นหมู่คณะ และสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้

               MG V80 เลือกใช้ขุมพลังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ขนาด 2.5 ลิตร 136 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์ที่มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด SELEMATIC และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มาพร้อมความจุของถังน้ำมันขนาด 80 ลิตร

ด้านความปลอดภัย โครงสร้างตัวถังนิรภัย (BFI – Body Frameless Integrated) ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ และ 7 ระบบความปลอดภัยใน ESP (Electronic Stability Program) ซึ่งครอบคลุมทั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD  และระบบความปลอดภัยอื่นๆ

จากการที่ทาง เอ็มจี เซลส์ เชิญสื่อมวลชนให้ไปได้สัมผัสรถคันจริง แม้จะยังไม่ได้มีการทดลองขับเพื่อพิสูจน์สมรรถนะ แต่การถูกเชิญให้ไปเป็นผู้โดยสารก็พอจะจับสัมผัสได้ถึงความมีอนาคตของรถรุ่นนี้อยู่ไม่น้อย ซึ่งรถที่นำมาให้ทุกคนได้นั่งเป็นรถที่ผ่านการตกแต่งภายในมา ไม่ใช่ตัวสแตนดาร์ดเบาะผ้าเดิม ๆ

 

ผมเลือกนั่งประจำที่ข้างเบาะหน้าข้างไดร์ฟเวอร์ฝีมือดี จากเบาะนั่งทั้ง 11 ที่มีเจ้าของเต็มความจุ ที่พร้อมอธิบายข้อมูลและสมรรถนะให้ฟังเป็นอย่างดี กับทุกครั้งที่มีคำถาม แรกสัมผัสภายในดูโอ่โถ่ง เบาะผ่านการตกแต่งหุ้มหนังดูสวยงาม แม้จะยังไม่สามารถใช้คำว่า วีไอพี แต่ในภาพรวมถือว่าสวยใช้ได้

เครื่องยนต์ดีเซล ดูจะทำงานของมันได้ดี ถามความรู้สึกของพี่ไดร์ฟเวอร์ อธิบายได้ใจความพอควรว่าช่วงออกตัว อาจจะดูตื้อเล็กน้อย แต่หลังจากทำความเร็วได้ก็ไหลยาว ๆ เรียกพละกำลังได้ดีพอควร แต่ถ้าใครยังไม่คุ้นกับเกียร์อัตโนมัติซึ่งเป็นแบบเดียวกับในรุ่น MG 3 ก็อาจจะต้องปรับตัวให้คุ้นเคยกับจังหวะการใช้งานเล็กน้อย

ช่วงล่างด้านหน้าแบบ แม็คเฟอสันสตรัท ด้านหลัง แหนบซ้อนพร้อมช็อคอัพ ถูกเซ็ทมาเป็นอย่างดีตามสไตล์ของเอ็มจี จากการนั่งตลอดระยะทางไปกลับ 200 กว่ากิโลเมตร ในฐานะผู้โดยสารแถวหน้าสุดช่วงล่างของรถค่ายนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง ให้ความมั่นใจ ลดแรงสั่นสะเทือนก่อนถึงตัวได้เยอะ แม้จะไม่นุ่มนักแต่ความแน่นหนึบเชื่อขนมกินได้

หากลองย้ายมานั่งโซนแถวผู้โดยสารด้านหลัง พบว่ามีความสะดวกสบายแบบเต็มที่ มีช่องแอร์ด้านหลังมาให้ด้วย เพิ่มความเย็นฉ่ำตลอดทั้งคัน เบาะนั่งแถวสองมีขนาดใหญ่มีที่พักแขน ติดตั้งเบาะเอาไว้ 2 ที่นั่ง เบาะมีขนาดใหญ่มีปีกเบาะรองรับศีรษะ

ส่วนเบาะแถวสามเป็นแบบ 3 ที่นั่ง และแถวที่สี่แบบ 4 ที่นั่ง แต่ปัญหาคือ เบาะนั่งทุกตัวไม่สามารถปรับแบบเลื่อนหน้า-หลังได้ เป็นแบบยึดติดตายตัว ทำได้เพียงปรับเอนหลังได้เท่านั้น นั่นทำให้ผู้โดยสารที่ตัวสูง ขายาวจะอึดอัดนิดหน่อย ตรงนี้ถ้าปรับเป็นเบาะแบบรางสไลด์จะยอดเยี่ยมมาก แถมยังเพิ่มพื้นที่ห้องโดยสารและใช้งานได้อเนกประสงค์มากยิ่งขึ้น ซึ่งจากสัมผัสโดยรวม ช่วงล่างของ V80 เหมาะกับการเป็น Passenger Van เลยทีเดียว

 

แม้การตกแต่งจะยังไม่ดู วีไอพี หรือหรูหรา เท่ารถตู้รับส่งผู้โดยสารที่หลายท่านเคยใช้บริการ แต่เชื่อว่าหากนำมาทำหรือตกแต่งให้ดีจะดูสวยงามได้มากกว่านี้ แอบเสียดายตรงประตูสไลด์ไม่ใช่แบบไฟฟ้า แต่บันไดข้างอัตโนมัติที่รับน้ำหนักได้ถึง 200 กิโลกรัม ก็ช่วยทำให้รถดูมีระดับทันสมัย เหมาะแก่เด็ก และคนชราเป็นอย่างยิ่ง

สำคัญ คือ หากใครจับจองเป็นเจ้าของตั้งแต่วันนี้จนถึง มิถุนายน 62 นอกจากจะได้ราคาพิเศษช่วงแนะนำ ในรุ่น 2.5L MT ราคา 923,000 บาท  และ รุ่น 2.5L SELEMATIC ราคา 973,000 บาท ยังจะได้รับส่วนลดหรือวงเงินที่ใช้เพื่อการตกแต่งมูลค่า 65,000 บาท พร้อมการรับประกันคุณภาพนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร

สรุปโดยรวมจุดเด่นสำคัญ น่าจะเป็นเรื่องของความอรรถประโยชน์ต่าง ๆ ของรถ ที่สามารถนำไปปรับปรุง หรือตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อรองรับการใช้งานให้เหมาะสมตามความต้องการของผู้บริโภคได้ สุดท้ายถึงแม้จะดูยังทันสมัยแบบไม่สุด แต่ก็ถือว่าโดดเด่นในระดับหนึ่ง เอาเข้าจริงรถคันนี้ สามารถไปได้ทั้งทางของการเป็นรถเพื่อการพานิชย์ หรือ รถส่วนบุคคล ก็ได้ เพราะด้วยลักษณะของรถค่อนข้างจะเป็นปลายเปิดให้เจ้าของนำไปพัฒนาต่อได้อีกมาก

 

Comments are closed.