Toyota Camry การปรับโฉมครั้งใหม่ต้อนรับปี 2021

0

ค่าย Toyota เผยรายละเอียดเบื้องต้นของการปรับโฉม Camry ครั้งใหม่สู่เวอร์ชั่นปี 2021 โดยเน้นหนักไปที่การอัพเกรดเทคโนโลยีสุดล้ำ สำหรับการอำนวยความสะดวก ควบคู่ไปงานดีไซน์ที่เน้นความหรูหรา เริ่มจากการปรับเปลี่ยนรุ่นย่อย “L” ซึ่งถูกถอดออก และทำการเสริมรุ่นย่อยใหม่ “XSE” เข้ามาแทนในส่วนของโมเดล Hybrid

ขณะที่การปรับโฉมรูปลักษณ์นั้นจะเกิดขึ้นกับในรุ่นย่อยโมเดล Hybrid เช่น การเพิ่มความภูมิฐานให้กับรุ่นย่อย LE และ XLE พร้อมด้วยการเลือกใช้ล้ออัลลอยด์ดีไซน์ใหม่เป็นมาตรฐานให้กับรุ่นย่อย LE กับขนาด 17 นิ้ว และในรุ่นย่อย XLE ที่ขยับไปเป็น 18 นิ้ว เช่นเดียวกับรุ่นย่อย SE และ XSE จะมากับความสปอร์ตที่เพิ่มมากขึ้น จากการปรับเปลี่ยนชุดกระจังหน้าใหม่ไปใช้แบบลวดลายรังผึ้ง รวมถึงในส่วนของช่องดักอากาศด้านข้างด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโทนสีใหม่เพื่อสร้างความโดดเด่นมากขึ้น เช่น ในรุ่นย่อย TRD ที่มากับโทนสี Ice Edge จับคู่แบบทูโทนกับสีหลังคาแบบ Midnight Black Metallic หรือรุ่นย่อย XSE ที่เร้าใจด้วยโทนสีแดง Supersonic Red จับคู่กับหลังคาสีดำ Midnight Black Metallic

สำหรับความเปลี่ยนแปลงภายในห้องโดยสารนั้นมีความเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดเล็กน้อย เช่น หน้าจอ multi-Information Display ระบบสัมผัส บนคอนโซลหน้าที่สามารถเลือกได้ระหว่างขนาด 7 นิ้ว หรือ 9 นิ้ว โดยจะรองรับระบบเครื่องเสียง, ระบบนำทาง ตลอดจนการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน ส่วนในเวอร์ชั่นสปอร์ตอย่างรุ่นย่อย XLE และ XSE นั้นจะมากับหน้าจอขนาด 10 นิ้ว พร้อมระบบ HUD (Head-Up Display) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนนอกเหนือจากนั้นจะเป็นเรื่องของรายละเอียดการดีไซน์ โทนสี และวัสดุ ที่ออกแบบให้มีความแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่นย่อย

โดยจุดเด่นที่แท้จริงของ Toyota Camry เวอร์ชั่นปรับโฉมใหม่ก็คือ เรื่องของระบบความปลอดภัย ที่ติดตั้งระบบ Toyota Safety Sense เวอร์ชั่นล่าสุด 2.5+ มาให้ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งจะประกอบไปด้วยระบบ Pre-Collision System with Pedestrian Detection (PCS w/PD) ช่วยเตือนการชนด้านหน้า และมาพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน

ตามด้วยระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Full-Speed Dynamic Radar Cruise Control (DRCC), ระบบเตือนออกนอกช่องจราจร Lane Departure Alert ที่มาพร้อมระบบช่วยประคองรถกลับเข้าช่องทาง Lane Tracing Assist (LTA) ทั้งยังรวมไปถึงระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beams, ระบบอ่านป้ายจราจร Road Sign Assist (RSA), ระบบเตือนมุมมอับสายตา Blind Spot Monitor และระบบเตือนสิ่งกีดขวางจากด้านหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)

สำหรับขุมพลังยังคงมากับ 3 ทางเลือกหลัก เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน พิกัด 2.5 ลิตร Dynamic Force แบบ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 203 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุดที่ราวๆ 250 นิวตันเมตร โดยจะมีการแยกออกไปอีกเป็นรุ่นย่อย XSE จะมากับเรี่ยวแรง 206 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 252 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift 8 สปีด

ส่วนเวอร์ชั่น Hybrid ซึ่งมากับระบบ Toyota Hybrid System (THS II) เกิดขึ้นจากเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร Dynamic Force แบบ 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 176 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 118 แรงม้า จับคู่ออกมามีกำลังรวมสูงสุด 208 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตมัติ ECVT

ปิดทายด้วยของแรงเครื่องยนต์เบนซินแบบ V6 พิกัด 3.5 ลิตร พ่วงระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิง D-4S Direct Injection พร้อมระบบวาล์วแปรผัน VVT-iW (Variable Valve Timing-intelligent Wide) ที่พัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ จนสามารถสร้างกำลังสูงสุดได้ถึง 301 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงถึง 362 นิวตันเมตร ถ่ายทอดกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift 8 สปีด อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Dynamic Torque Control AWD เป็นออพชั่นให้เลือกอีกด้วย

 

CR.NetCarShow.com

Comments are closed.