Toyota GR Corolla ขีดสุดแห่งสมรรถนะ สปอร์ตเต็มขั้น

0

ในที่สุดสมาชิกลำดับที่ 4 แห่งตระกูล GR ก็ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการในชื่อว่า Toyota GR Corollaบนฐานะความเป็น Hot Hatch ที่มากด้วยความร้อนแรงทั้งดีไซน์ที่เต็มไปด้วยผลงานด้าน Aerodynamic และสรรถนะจากทั้ง 2 รุ่นย่อยที่วางแผนออกจำหน่าย คือ Core Grade และ Circuit Edition ซึ่งส่วนใหญ่จะแตกต่างกันจากในส่วนของรายละเอียดรูปลักษณ์

ขณะที่ไฮไลต์หลักอันน่าสนใจ ต้องยกให้กับขีดความสามารถ อันประกอบด้วยด้วยโครงสร้างตัวถัง Toyota’s GA-C Platform ซึ่งมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และการเลือกใช้วัสดุน้ำหนักเบาเป็นหลัก เพื่อยนตรกรรมพิเศษอย่าง GR โดยเฉพาะ เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ 3 สูบ 12 วาล์ว DOHC รหัส G16E-GTS พิกัด 1.6 ลิตร ที่ยกมาจาก GR Yaris พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged และการฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ D-4S Direct Injection

สร้างพละกำลังสูงสุดออกมาได้ถึง 300 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดที่ราวๆ 370 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 3,000 – 5,500 รอบต่อนาที ด้านระบบส่งกำลังยังคงเลือกใช้ชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด iMT ทั้งยังมากับสุ้มเสียงสุดเร้าใจจากชุดท่อไอเสียสแตนเลสแบบ 3 ท่อ (Triple Exhaust) ซึ่งออกแบบมาให้ช่วยลดแรงดันย้อนกลับ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการส่งกำลัง รวมถึงการขับขี่ที่มีการอัพเกรดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ GR-Four All-Wheel-Drive (AWD) ใหม่ ซึ่งจะแปรผันการถ่ายกำลังระหว่างล้อคู่หน้า และคู่หลัง ตามโหมดที่เลือกใช้ ตั้งแต่ 60-40, 50-50 และ 30-70

และหากต้องการสัมผัสขีดสุดแห่งสมรรถนะล่ะก็ ในรุ่นย่อย Circuit Edition จะสามารถตอบโจทย์ได้ดีกว่า ด้วยการติดตั้งเพลาขับทั้งด้านหน้า และด้านหลังแบบ Torsen Limited-Slip Differentials (LSD) มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะที่ในรุ่นย่อย Core Grade จะเป็นออพชั่นชุด Performance Package ที่ต้องจ่ายเพิ่ม

สำหรับระบบช่วงล่างด้านหน้าจะมากับพื้นฐานอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท ที่ปรับแต่งขึ้นเป็นพิเศษสไตล์ Circuit – Tuned ทั้งในส่วนของโช๊คอัพ คอยล์สปริง และเหล็กโคลง สำหรับรองรับน้ำหนักตัวรถที่มีทั้งความเบา และให้สมรรถนะการควบคุมแบบสปอร์ต ไปพร้อมๆ กับการทำให้ยางมีศักยภาพการยึดเกาะถนนมากที่สุด ขณะที่ด้านหลังจะมากับพื้นฐานอิสระมัลติลิงค์ ที่ปรับแต่งให้สร้างความคล่องตัว และเสถียรภาพสูงสุดสำหรับการขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD

อีกทั้งยังมากับความมั่นใจในการขับขี่บนความเร็วสูงได้ดี ด้วยความยาวฐานล้อที่กำหนดเอาไว้ 103.9 นิ้ว ที่มาพร้อมล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางหน้ากว้างจาก Michelin Pilot Sport 4 ขนาด 235/40R18 ในทั้ง 2 รุ่นย่อย ซึ่งซุกซ่อนระบบเบรกสมรรถนะสูงไว้ภายใน ประกอบด้วยจานเบรกหน้าขนาด 14 x 1.1 นิ้ว จับคู่กับดิสก์เบรก 4 Pot และจานเบรกหลังขนาด 11.7 x 0.7 นิ้ว จับคู่คาลิปเปอร์ 2 Pot โดยในรุ่นย่อย Circuit Edition จะพิเศษขึ้นอีกระดับกับชุดคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ประทับสัญลักษณ์ GR มาให้

 

CR : PHOTO NETCARSHOW.COM

Comments are closed.