Toyota Supra MT Edition มีเพียง 500 คันเท่านั้น

0

หลังจากปล่อยให้สาวก Supra รอคอยมาพักใหญ่ ในที่สุด Toyota USA ก็มีข่าวดีออกมาให้ฟังเกี่ยวกับ Toyota Supra เวอร์ชั่นปี 2023 ที่น่าสนใจด้วยระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา และความทรงคุณค่าในฐานะ Limited ที่มีเพียง 500 คันเท่านั้น

โดยทั้ง 500 คัน จะมากับพื้นฐานของรุ่น 3.0 Premium ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังเบนซิน 6 สูบขนาด 3.0 ลิตร เสริมแรงด้วยระบบอัดอากาศ Turbocharged สู่ล้อคู่หลังที่จะจับเอาพละกำลัง 387 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ลงสู่พื้นถนน

ส่วนความเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพ จะประกอบด้วยโทนสีตัวถัง ซึ่งมีให้เลือก 2 สไตล์ คือ สีขาว Matte White และสีเทา CU Later Gray พร้อมทั้งมีการปรับแต่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ในส่วนของห้องเครื่องที่มีการติดตั้งเหล็กค้ำโช๊ค (Red Strut Tower Braces) โทนสีแดง เช่นเดียวกับตราสัญลักษณ์คำว่า “Supra”

ตามด้วยการเปลี่ยนแปลงของล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้วลายใหม่ Multi-Spoke มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยคุณสมบัติที่โดดเด่นก็คือน้ำหนักที่เบาลงอีกราวๆ 1.2 กก. ซึ่งเมื่อรวมกับชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีดใหม่ เลยทำให้ Toyota Supra เวอร์ชั่นนี้มีน้ำหนักรวมที่เบาลงถึง 21.8 กก. ช่วยส่งผลในเรื่องการขับขี่ และการบังคับควบคุมที่เฉียบคมมากขึ้น จากน้ำหนักใต้สปริงที่น้อยลง

ขณะที่ภายในห้องโดยสารนั้นมากับการเปลี่ยนวัสดุเป็นหนัง Cognac Leather สลับด้วยหนัง Alcantara ในส่วนของถุงเกียร์ รวมไปถึงระบบเครื่องเสียงที่อัพเกรดไปเป็นแบรนด์ JBL Premium Sound System ตลอดจนเบาะนั่งปรับไฟฟ้า ที่มาพร้อมระบบนวด Lumbar Support

สำหรับระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด นอกจากจะนำเสนอการถ่ายทอดพละกำลังอันเร้าใจแล้ว ยังสามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น ผ่านระบบ iMT (Intelligent Manual Tranmission) ที่จะช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และนุ่มนวล ตลอดจนให้อารมณ์สปอร์ตที่ชัดเจนมากขึ้น ขณะเดียวกัน ตัวคันเกียร์ก็ยังได้รับการออกแบบ และพัฒนาให้อยู่ในตำแหน่ง ซึ่งมีระยะห่างจากแผงควบคุมบนคอนโซลหน้าราวๆ 1.7 นิ้ว เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งาน

นอกจากนี้ยังมีการปรับแต่งชุดเฟืองท้ายใหม่จากเดิม 3.15 ในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เป็น 3.46 ให้กับเวอร์ชั่นเกียร์ธรรมดา ตามด้วยการอัพเกรดระบบกันสะเทือนขึ้นใหม่เป็นพิเศษ เช่นเดียวกับระบบพวงมาลัย ซึ่งช่วยสร้างความเร้าใจด้วยการทำดริฟท์ที่ง่ายขึ้นเมื่อใช้ Track Mode รวมไปถึงสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาอย่างระบบ Hairpin+ ที่เปิดโอกาสให้ระดับการหมุนของล้อมีความแตกต่าง เพื่อให้การขับขี่บนถนนคดเคี้ยวมีความมันส์มากขึ้นอีกด้วย

Comments are closed.