5 เหตุผล “โดนใจ” ทำไมต้อง New Suzuki Ertiga Smart Hybrid !!

0

ในที่สุด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็เผยโฉม New Suzuki Ertiga Smart Hybrid อย่างเป็นทางการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Power of Smart … เต็มพลังทุกฟังค์ชั่น เต็มพลังสมาร์ทไฮบริด”ช่วยยกระดับขีดความสามารถยนตรกรรม 3 แถว 7 ที่นั่ง Suzuki Ertiga ให้สมบูรณ์แบบขึ้นไปอีกขั้น ด้วยขุมพลัง Smart Hybrid ใหม่

และนี่คือ 5 เหตุผลที่เราจะมาบอกว่าทำไม New Suzuki Ertiga Smart Hybrid จึงควรเป็นหนึ่งในตัวเลือกอันดับต้นๆ โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังมองหายนตรกรรมคู่ใจครอบครัวซักหนึ่งคัน

1. “ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี” ด้วยเหตุผลเพราะ New Suzuki Ertiga Smart Hybrid คือ รถอเนกประสงค์แบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง หนึ่งเดียวในตลาด ซึ่งโดดเด่นด้วยขุมพลังผสมผสาน ระหว่างเครื่องยนต์เบนซินรหัส K15B แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร และ Integrated Starter Generator (ISG) ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ Lithium-ION ขนาด 6Ah 12V เพื่อช่วยยกระดับขีดความสามารถในการขับขี่ให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

2. “ราคา” คือ เรื่องที่เรียกได้ว่า “เซอร์ไพรส์” ไม่น้อย เนื่องจาก New Suzuki Ertiga Smart Hybrid ถูกเปิดตัวในรุ่นเริ่มต้น GL ที่ราคา 783,000 บาท และรุ่นสูงสุด GX ที่ 839,000 บาท ซึ่งหากเทียบกับ Suzuki Ertiga ในเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจไม่น้อย

เพราะนอกจากเทคโนโลยี Smart Hybrid ที่มีมาให้แล้ว … “ออพชั่น” ก็จัดได้ว่า “คุ้มค่า” กับราคาส่วนต่าง ซึ่งในรุ่นเริ่มต้น GL ได้เพิ่มเติม หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่นวิทยุ, MP3, WMA และระบบเชื่อมต่อ Bluetooth ไปจนหน้าจอแสดงข้อมูลการขับชี่ LCD แสดงพลังงานแบตเตอรี่ และ Driving G Force มาให้

ส่วนรุ่นสูงสุดอย่าง GX นั้นมากับ “ออพชั่น” ชุดใหญ่ ตั้งแต่ ระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชัน GuideMe, กระจกมองข้างพับอัตโนมัติ, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control), หน้าจอแสดงข้อมูลการขับชี่ LCD แสดงพลังงานแบตเตอรี่ และ Driving G Force ไปจนถึงความสะดวกสบายจากระบบ Wireless Charger เป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกด้วย

3. “อัตราสิ้นเปลือง” อีกหนึ่งจุดเด่นที่มีใน New Suzuki Ertiga Smart Hybrid หากเทียบกับเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการที่เคลมไว้ในภาพรวมของทั้งรุ่นเริ่มต้น GL และรุ่น GX เดิมจะอยู่ที่ 15.9 กม./ลิตร ขณะที่เวอร์ชั่น Hybrid ดีขึ้นเป็น 17.9 กม./ลิตร

ซึ่งไฮไลต์ที่แท้จริงนั้นอยู่ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองจากการขับขี่ในเมือง ที่พัฒนาขึ้นมาแบบก้าวกระโดด ด้วยตัวเลขจากเดิม 12.7 กม./ลิตร ไปประหยัดสูงสุดถึง 15.9 กม./ลิตร เลยทีเดียว

4. ขับสบาย เบาแรง และลดภาระการทำงานให้กับเครื่องยนต์ ถือเป็นอีกเรื่องดีที่เกิดขึ้น ซึ่งหากหลายคนจำความรู้สึกของการขับขี่ Suzuki Ertiga ในเวอร์ชั่นเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาด 1.5 ลิตรได้ และลองนำมาเปรียบเทียบความรู้สึกหลังจากลองขับ New Suzuki Ertiga Smart Hybrid จะสัมผัสได้ถึงความความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น แม้พละกำลังจะมีความใกล้เคียงกับเจนเนอเรชั่นที่แล้ว คือ 105 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตร

ซึ่งนั่นคือ การตอบสนองของตัวรถที่ฉับไว ด้วยการใช้คันเร่งที่น้อยลง หรือกล่าวง่ายๆ ก็คือ ระบบ Integrated Starter Generator (ISG) จะเข้ามาเสริมแรงให้กับเครื่องยนต์ ในการสร้างความกระฉับกระเฉง โดยไม่ต้องใช้รอบเครื่องสูงเหมือนเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา ทำให้นอกจากจะสร้างความสบาย และเบาแรงให้ผู้ขับขี่ได้สัมผัสในการใช้งานแล้ว อีกทางหนึ่งยังถือเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับเครื่องยนต์อีกด้วยเช่นกัน

5. สุดท้าย คือ การนำเสนอเทคโนโลยี Smart Hybrid ในโมเดล Suzuki Ertiga อาจทำให้หลายคนคิดว่า น่าจะสร้างความตื่นเต้น และน่าประทับใจได้ดีกว่า ถ้าเลือกเปิดตัวเทคโนโลยีล้ำสมัย ในเรือนร่างของโมเดลใหม่ล่าสุด … แต่สำหรับเรา มองในทางกลับกัน และคิดว่า ข้อดีที่หลายคนอาจะมองข้ามไปก็คือ บริการหลังการขาย

โดยเฉพาะเรื่องของ “อะไหล่” ซึ่งเราคาดเดาว่าส่วนใหญ่ สามารถใช้ร่วมกับ Suzuki Ertiga เจนเนอเรชั่นที่ผ่านมาได้ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ภายนอก ภายใน ไปจนถึงโครงสร้างตัวถัง, เครื่องยนต์ หรือช่วงล่างก็ตาม New Suzuki Ertiga Smart Hybrid ก็ยังคงมีพื้นฐานมาจาก Suzuki Ertiga นั่นเอง เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่สร้าง “ความมั่นใจ” ได้ ว่าต่อให้เป็นรถนำเข้า เราก็ไม่ต้องอะไหล่นานจนท้อแน่นอน

Comments are closed.