Audi RS4 Avant

0

Audi RS4 Avant คือ ผลงานล่าสุดจากแผนก Audi Sport GmbH หลังจากเคยปล่อยของให้สาวกทั่วโลกได้ประทับใจกันไปแล้วในปี 2017 โดยครั้งนี้ได้ทำการอัพเกรดความสปอร์ตมากขึ้นตั้งแต่รูปลักษณ์งานดีไซน์ เพื่อสื่อถึงขุมพลังที่ไม่ธรรมดา

ซึ่ง Audi RS4 Avant จะขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินพิกัด 2.9 ลิตร TFSI แบบ V6 พ่วงระบบอัดอากาศ Twin-Turbo ที่พัฒนามาจากบล็อคขนาด 2.7 ลิตร V6 ที่เคยติดตั้งให้กับ RS4 Avant เวอร์ชั่นแรกในปี 1999 ที่มีพละกำลัง 380 แรงม้า สู่เวอร์ชั่นล่าสุดที่ทำกำลังได้ถึง 450 แรงม้า พร้อมแรงบิดระดับ 600 นิวตันเมตรในรอบต่ำตั้งแต่ 1,900 รอบต่อนาที ไปจนถึง 5,000 รอบต่อนาที โดยมีชุดส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 8 สปีด สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro Permanent All-Wheel Drive ซึ่งมีการแบ่งสัดส่วนกำลังโดย Center Differential อยู่ที่ด้านหน้า 40% และด้านหลัง 60% พร้อมอัตราการแปรผันที่ไม่เกินกว่า 70% ในด้านหน้า และ 85% ในด้านหลัง ตามด้วยการเสริมความมั่นใจจากระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC และระบบ Wheel-Selective Torque Control  จนได้ผลลัพธ์ความมันส์ด้วยอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 4.1 วินาที พร้อมความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. หรือ 280 กม./ชม. เมื่อติดตั้งออพชั่น RS Dynamic Package

ระบบช่วงล่างของ RS4 Avant ได้รับการปรับแต่งใหม่จากพื้นฐานแบบ 5-Link สู่สไตล์ของ RS Sport Suspension ด้วยการลดระดับความสูงลงราว 7 มม. เมื่อเทียบกับเวอร์ชั่นมาตรฐานอย่าง S4 ทั้งยังสามารถเพิ่มความเร้าใจในการขับขี่มากขึ้น ด้วยการอัพเกรดเป็นช่วงล่างแบบ RS Sport Suspension Plus ที่มากับระบบ Dynamic Ride Control ที่จะทำงานร่วมกับระบบ Audi Drive Select Dynamic Handling System ไว้ให้เลือกปรับใช้ถึง 5 โหมด คือ Comfort, Auto, Dynamic, Customizable และโหมด RS-Specific ที่มีให้เลือกบันทึกได้ถึง 2 ตำแหน่ง คือ RS1 และ RS2 ภายใต้อรรถรสการขับขี่จากระบบพวงมาลัยแบบ RS-Specific Dynamic Steering ควบคุมด้วยระบบอิเล็คทรอนิกส์ที่แม่นยำ และแปรผันอัตโนมัติตามความเร็ว

ด้านรูปลักษณ์ที่มีการเพิ่มบุคลิกความสปอร์ต จะประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงของ ตั้งแต่ด้านหน้าที่มากับชุดกระจังแบบ Singleframe ขนาดใหญ่ขึ้น และมาแบบไร้กรอบ พร้อมงานดีไซน์ตามสไตล์ RS ของโมเดลรุ่นพี่อย่าง RS6 Avant และ RS7 Sportback เพิ่มเติมความดุดันด้วยลวดลายรังผึ้งแบบ 3 มิติ โทนสีดำเงา Gloss Black ลงตัวกับชช่องดักอากาศขนาดใหญ่บนชุดกันชนหน้า ซึ่งมากับครีบรีดอากาศแนวตั้ง ตามด้วยความเฉี่ยวของงานออกแบบชุดไฟหน้าที่เลือกใช้แบบ LED โดยมีออพชั่นแบบ Matrix LED ให้เลือก

ส่วนด้านข้างก็ดุดันด้วยงานดีไซน์ซุ้มล้อที่กว้างขึ้นอีกข้างละ 30 มม. เพื่อให้รับกับชุดล้ออัลลอยด์ขนาดมาตรฐาน 19 นิ้ว หรือขนาด 20 นิ้ว ซึ่งจะมากับลวดลาย 5 ก้าน เปิดเผยให้เห็นระบบเบรกสมรรถนะสูงที่ด้านหน้ามากับจานเบรกขนาด 375 มม. และด้านหลัง 330 มม. ประคู่กับคาลิปเปอร์เบรก 6 Pot สีดำ ประทับตราสัญลักณ์ RS โดยยังคงมีออพชั่นเป็นชุด RS Ceramic Brakes ที่เลือกโทนสีคาลิปเปอร์ได้ เช่น แดง, เทา หรือน้ำเงิน และจะมากับจานเบรกขนาดใหญ่ถึง 400 มม.

ทั้งยังมีการเพิ่มโทนสีดำเงา Gloss Black, โทนสีอลูมิเนียมแบบด้าน Matt aluminum ตลอดจนลวดลายคาร์บอนจาก Carbon styling Packages ลงไปในรายละเอียดต่างๆ ของตัวรถ เช่น กาบบันได, กรอบกระจกรอบคัน, ชุดกันชนหน้า และกันชนหลัง ไปจนถึงในส่วนของตราสัญลักษณ์ Audi Rings และ RS ที่สามารถเลือกให้เป็นโทนสีดำได้อีกด้วยเช่นกัน

ขณะที่ด้านหลังนั้นดุดันด้วยชุด Diffuser โทนสีดำแบบเดียวกับราวแร็คหลังคาสไตล์ RS-Specific แต่เพิ่มความโดดเด่นด้วยชุดท่อไอเสีย RS Exhaust System สีโครเมี่ยม แต่จะมีโทนสีดำจากชุดท่อ RS Sport Exhaust System เป็นออพชั่นให้เลือก ภายในห้องโดยสารมากับโทนสีดำเพื่อเน้นความสปอร์ต เช่นเดียวกับวัสดุที่เลือก เช่น Alcantara เดินด้ายแดง ภายใต้สิ่งอำนวยความสะดวกที่ยังคงจัดมาให้อย่างครบครัน รวมถึงความอเนกประสงค์ด้านหลังที่มากับห้องเก็บสัมภาระขนาด 495 ลิตร ที่สามารถเพิ่มเติมเป็น 1,495 ลิตรได้อย่างง่ายดาย เพียงพับเบาะนั่งด้านหลัง

 

CR.NetCarShow.com

Comments are closed.