BMW M GmbH เสิร์ฟความแรงต่อเนื่องเอาใจสายรถอเนกประสงค์รหัส “M” ด้วย 2 คู่แฝดอย่างSAV (Sports Activity Vehicle) BMW X3 และ SAC (Sports Activity Coupe) BMW X4 ที่ต่อยอดความแรงขึ้นไปอีกระดับ ด้วยฐานะของ “M Competition” ซึ่งมาพร้อมความทรงพลังของเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ พ่วงระบบอัดอากาศ BMW TwinPower Turbo ในการสร้างเรี่ยวแรงสูงสุดถึง 510 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่ขยับขึ้นอีก 50 นิวตันเมตร เป็น 650 นิวตันเมตร
ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด M Steptronic with Drivelogic ที่มากับระบบไอเสีย M Sports Exhaust เพื่อสร้างอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.8 วินาที หรือเร็วขึ้นจากเดิม 0.3 วินาที ขณะที่ตัวเลขความเร็วสูงสุดนั้นถูกจำกัดเอาไว้ที่ 250 กม./ชม. โดยหากยังไม่เร้าใจมาจากออพชั่น M Driver’s Package คือ คำตอบที่จะเหมาะสม เพื่อขยับความเร็วปลายขึ้นไปที่ 285 กม./ชม.
ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้นยังคงเป็นความสามารถแบบ 4 ล้อ M xDrive All-Wheel Drive ที่มากับระบบ Active M Differential ซึ่งจะกระจายกำลังอัตโนมัติตามสภาพการขับขี่ พร้อมด้วยการเสริมความมั่นใจจากระบบ DSC (Dynamic Stability Control) ในการทำหน้าที่ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว บนพื้นฐานของระบบช่วงล่างที่ติดตั้งแบบ Adaptive M Suspension มาให้ พร้อมระบบพวงมาลัยแบบ M Servotronic Steering และฟังค์ชั่นการขับขี่ M Dynamic Mode ก่อนปิดท้ายเรื่องสมรรถนะ ด้วยระบบความปลอดภัยที่เริ่มต้นด้วย M Compound Brake System เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ที่สะดุดตาด้วยชุดคาลิปเปอร์โทนสีน้ำเงิน ประทับตราสัญลักษณ์ “M” โดยมีสีดำ และสีแดงให้เลือกตามความต้องการ ก่อนครอบทับด้วยล้ออัลลอยด์ใหม่ลาย 892M Star Spoke สีดำ Jet Black ขนาดใหญ่ถึง 21 นิ้ว แต่น้ำหนักเบาลงราว 2 กก./วง รัดด้วยยางขนาด 255/40 ZR21 ในด้านหน้า และขนาด 265/40 ZR21 ด้านหลัง หรือหากต้องการความคุ้นเคยจากล้ออัลลอยด์ 765M V-Spoke สีดำ Jet Black ก็สามารถเลือกได้เช่นกัน
ทางด้านรูปลักษณ์ของ 2 รุ่น มากับการเปลี่ยนแปลงที่เน้นความสปอร์ตดุดันอย่างชัดเจน ตั้งแต่ กระจังหน้าทรงไตคู่ BMW Kidney Grill โทนสีดำ High-Gloss Black แบบชิ้นเดียวที่ใหญ่ขึ้น รับกับชุดไฟหน้ามาตรฐานแบบ Adaptive LED ที่ขยายขนาดขึ้นอีกราวๆ 10 มม. โดยมีแบบ BMW Laser Light ให้เลือกเป็นออพชั่น ขณะเดียวกันก็เพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดตั้งกล้องมองหน้า iCam เอาไว้ที่บริเวณกึ่งกลางกระจัง ไปพร้อมๆ กับสร้างความสะดุดตาด้วยงานดีไซน์ซี่กระจังแบบ M Double Kidney Bars รวมถึงช่องดักอากาศดีไซน์ใหม่ทรงแนวตั้งทั้ง 2 ฝั่งบนชุดกันชนหน้า ประกบช่องดักอากาศกึ่งกลางทรง 6 เหลี่ยม Hexagonal ที่มีด้านล่างเป็น Spoiler Lip ใต้กันชน เพื่อเพิ่มคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์
ขณะที่ด้านหลังของ X3 M Competition มากับงานออกแบบชุดไฟท้าย LED ใหม่ โดยเพิ่มความดุดันมากขึ้นจากการเลือกใช้โทนสีดำ และเพิ่มความเฉียบคมให้กับเส้นสายกราฟฟิค ลงตัวกับงานออกแบบชุดกันชนท้าย ที่ประกบด้วย Diffuser ขนาดใหญ่โทนสีดำ High-Gloss Black และชุดท่อไอเสียคู่ M Sports Exhaust ทั้ง 2 ฝั่งโทนสีดำเงา Black Chrome
ส่วน X4 M Competition เรียกได้ว่าสะกดสายตา ด้วยรูปทรงของชุดกันชนท้ายที่ออกแบบคล้าย “ทั่งตีเหล็ก” รับกับมุมกันชนท้ายทั้ง 2 ฝั่ง ในโทนสีดำ High-Gloss Black เสริมความหล่อด้วยแผงสะท้อนแสง (Reflector) แนวตั้ง และการประกบด้วยชุดท่อไอเสียคู่โทนสีดำ Black Chrome ทั้ง 2 ฝั่ง
สำหรับภายในห้องโดยสารของทั้ง 2 รุ่น นำเสนออารมณ์ความสปอร์ต ผสานด้วยความสะดวกสบาย ด้วยการตกแต่งจากวัสดุอลูมิเนียมโทนสีดำ Dark Rhombicle, ช่องแอร์ดีไซน์ใหม่โทนสีบรอนซ์เงิน, เบาะนั่ง M Sports Seats ปรับไฟฟ้า ปักตราสัญลักษณ์ “M” หุ้มหนัง Merino และพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น M Leather Steering Wheel พร้อมการเดินด้ายสี “M” และโลโก้ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา
ตามด้วยฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกที่ชาญฉลาดสไตล์ดิจิตอล จากระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ BMW Operating System 7.0 ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น ทั้งการแสดงผลบนหน้าจอมาตรวัด BMW Live Cockpit Professional ขนาด 12.3 นิ้ว ด้านหลังพวงมาลัย ตลอดจนหน้าจอความบันเทิง Control Display ที่รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ไปจนถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อจากระบบ BMW Connected Drive อีกทั้งยังมีการติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่สุดล้ำในชื่อ Driving Assistant Professional มาให้ใช้งานเป็นครั้งแรกด้วยเช่นกัน
