Hyundai i30 N อัพเกรดใหม่สู่เวอร์ชั่นปี 2021

0

Hyundai Motor เผยโฉม i30 N โมเดลล่าสุดที่ได้รับการอัพเกรดใหม่สู่เวอร์ชั่นปี 2021 ที่นำเสนอความเป็นยนตรกรรมสมรรถนะสูงที่ชัดเจนมากขึ้น ภายใต้คีย์เวิร์ดหลักๆ 3 หัวข้อคือ Performance, Emotion และ Statement โดยว่ากันตั้งแต่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูน่าตื่นเต้น ราวกับเป็นยนตรกรรมที่ถือกำเนิดเพื่อสนามแข่ง เช่น ด้านหน้าที่มากับชุดกระจังกว้างขึ้น พร้อมกับการปรับเส้นสายลวดลายตาข่ายบนกระจังให้มีความชัดเจน และเฉียบคม ทั้งยังช่วยให้เกิดการระบายความร้อนเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ก็มีการเพิ่มเติมในส่วนของรายละเอียดต่างๆ เพื่อเพิ่มอารมณ์ความสปอร์ตเข้าไปอีกระดับ ประกอบด้วยชุดไฟหน้าใหม่แบบ LED พร้อมชุดไฟ Daytime Running Lights ที่วางตัวเป็นรูปทรง V-Shaped ตามด้วยส่วนของมุมกันชนหน้าที่ดีไซน์ให้มีครีบ (Fins) สำหรับรีดอากาศ และช่วยจัดเรียงกระแสลมในบริเวณซุ้มล้อ ซึ่งตัวล้ออัลลอยด์ก็มีการเพิ่มความสะดุดตา ด้วยตราประทับอักษร “N” บนฝาดุมล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Michelin Pilot Super Sport

ต่อกันที่ด้านหลังของเวอร์ชั่น Hatchback ได้มีการปรับเปลี่ยนงานออกแบบใหม่ ในส่วนของสปอยเลอร์ด้านบนหลังคา ซึ่งมาพร้อมไฟเบรกในรูปทรง 3 เหลี่ยม ที่นอกจากจะเพิ่มความสะดุดตาแล้ว ยังช่วยให้การสร้างแรงกด Downforce อีกด้วยเช่นกัน ก่อนจะไล่ลงมาพบกับความโดดเด่นจากชุดไฟท้ายดีไซน์ใหม่แบบ LED และชุดท่อไอเสียทรงกลมซ้าย-ขวาขนาดใหญ่ รับกับ Diffuser ที่ปรับตำแหน่งให้ลงมาต่ำมากขึ้น เพื่อสร้างอารมณ์ความเป็นยนตรกรรมสมรรถนะสูงให้สมบูรณ์แบบ

และหากความสปอร์ตมาตรฐาน ยังตอบโจทย์ได้ไม่มากพอ ก็สามารถเพิ่มเติมออพชั่น Performance Package เข้าไปได้ โดยจะมาพร้อมกับล้ออัลลอยด์ขนาด 19 นิ้ว ลวดลาย 5 ก้าน ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 14.4 กก. ต่อวง ที่ช่วยเพิ่มความเร้าใจได้เป็นอย่างดีด้วยโทนสีเทาเข้ม Dark Satin Grey ที่ตัดกับชุดคาลิปเปอร์โทนสีแดงประทับตราโลโก้ “N” อีกทั้งมาพร้อมกับยางสมรรถนะสูง Pirelli P-Zero ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษอีกด้วย

ภายในห้องโดยสารเพิ่มความสปอร์ตด้วยโทนสีดำเป็นหลัก เสริมด้วยเบาะนั่งสปอร์ต N Light Seats ที่ติดตั้งมาให้เป็นครั้งแรกในตำแหน่งคู่หน้า ที่มีจุดเด่นก็คือ น้ำหนักซึ่งเบาลงอีกราว 2.2 กก. เมื่อเทียบกับเบาะนั่งมาตรฐาน จากการเลือกใช้ Monoform ในการผลิต พร้อมการหุ้มด้วยวัสดุหนัง Alcantara เดินด้ายสีฟ้า เช่นเดียวกับในทุกรายละเอียด และมีการปักตราสัญลักษณ์ “N” ไว้บนหมอนรองศรีษะ ลงตัวกับสายเข็มขัดนิรภัย ที่มากับแถบสีฟ้า Performance Blue และแป้นเหยียบทำจากโลหะ

ตลอดจนมีการจัดสรรสิ่งอำนวยสะดวกมาให้ อาทิ ระบบทำความร้อนทั้งในส่วนของพวงมาลัย และเบาะนั่งคู่หน้า แถมด้วยฟังค์ชั่นปลุกเร้าความมันส์จากชุดมาตรวัด ที่มากับระบบไฟ LED สีแดงทำงานแบบ Active ตามระดับอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง รวมถึงการหน้าที่เป็น Shift Timing Indicator เพื่อบอกจุดเหมาะสมที่สุดสำหรับเปลี่ยนเกียร์

ใต้ฝากระโปรงหน้า คือ ขุมพลังเบนซินขนาด 2 ลิตร เสริมแรงด้วยระบบอัดอากาศ Turbocharged จับคู่กับระบบส่งกำลังที่มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ที่จัดมาให้เป็นครั้งแรก และเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด DCT ซึ่งในเวอร์ชั่นมาตรฐานจะมากับ เรี่ยวแรงราว 250 แรงม้า และแรงบิด 353 นิวตันเมตร แต่หากยังไม่ตอบโจทย์ ออพชั่น Performance Package ช่วยได้ ด้วยการขยับเรี่ยวแรงขึ้นไปเป็น 280 แรงม้า รวมถึงแรงบิดที่สูงขึ้นเป็น 392 นิวตันเมตร ที่สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 5.9 วินาที ส่วนท็อปสปีดของทั้ง 2 เวอร์ชั่นนั้นต่างก็ถูกจำกัดเอาไว้ที่ 250 กม./ชม.

Comments are closed.