Ferrari Daytona SP3 คือ ทายาทความโหดลำดับที่ 3 ต่อจาก Ferrari Monza SP1 และ SP2 แห่ง Icona Lineup Series ที่มีจุดเด่น คือ การตีความ และนำเอาดีไซน์คลาสสิกมาสู่ Ferrari ในยุคสมัยใหม่ ซึ่ง Daytona SP3 เองก็มากับจุดเด่นที่หยิบยกมาจากอดีต เช่น Ferrari 330 P3/4, Ferrari 350 Can-Am, Ferrari 512 S และรถแข่ง Ferrari รุ่นอื่นๆ อีกมากมาย ภายใต้การออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในเรื่องของประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์มากที่สุด เท่าที่ Ferrari เคยสร้างมา
ตั้งแต่พื้นฐานของตัวรถได้รับการสร้างขึ้นจากวัสดุแบบ Composite เพื่อให้น้ำหนักตัวถังโดยรวมน้อยที่สุด ตลอดจนเลือกใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ในส่วนของรายละเอียดการตกแต่ง ที่มาพร้อมการ “เจาะช่อง” ต่างๆ รอบคัน ตั้งแต่มุมมองด้านหน้าที่สะดุดตาด้วยช่องดักอากาศขนาดใหญ่บนกันชน ไล่มาถึงมุมมองด้านข้างที่เจาะช่องลมขนาดใหญ่ ไว้บริเวณประตูปีกนก ขณะที่ด้านหลังมากับดีไซน์แปลกตา แต่เฉียบคมด้วยเส้นสายแนวนอน รวมไปถึงชุดไฟท้ายที่อยู่ใต้สปอยเลอร์ ซึ่งต่ำลงมา คือ ชุดท่อไอเสีย Dual Exhaust ทรงเหลี่ยมที่ออกแบบให้รับกับชุด Diffuser บริเวณกันชนหลัง
ผสมผสานด้วยความโดดเด่นจากชุดกระจกบังลมหน้าทรงโค้ง ที่โอบล้อมรอบห้องโดยสาร พร้อมด้วยเบาะนั่งสไตล์ Bucket Seat ที่ถูกยึดติดเข้ากับตัวถัง โดยมีชุดแป้นเหยียบ Pedal Box ที่สามารถปรับใกล้-ไกลได้ ขณะที่ชุด Human-Machine Interface ได้มีการออกแบบให้ตอบโจทย์การใข้งานของผู้ขับขี่เป็นหลัก เพื่อ 2 มือของผู้ขับขี่วางอยู่บนพวงมาลัยอย่างถูกต้อง และควบคุมได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า 80%
ขุมพลังของ Ferrari Daytona SP3 มากับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 6.5 ลิตรแบบ V12 ที่หยิบยกมาจากรุ่น 812 Competizione และอัพเกรดขึ้นใหม่ในหลายส่วนทั้งในเรื่องของการลดน้ำหนัก และสร้างความทนทานมากขึ้น เช่น ก้านสูบที่เลือกใช้เป็นวัสดุไททาเนียม พร้อมการการเคลือบ Diamond Like Carbon ในส่วนของหัวลูกสูบ จากนั้นก็ทำการปรับสมดุลเพลาข้อเหวี่ยงให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีก 3% พร้อมด้วยการอัพเกรดชุดไอดีใหม่
จนได้กำลังสูงสุดที่ 828 แรงม้า และแรงบิดที่ขยับไปเป็น 697 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถลากรอบเครื่องยนต์ได้ยาวถึงราว 9,500 รอบต่อนาที ส่วนหน้าที่การส่งกำลังเป็นของชุดเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DCT พร้อมการเคลมตัวเลขอัตราเร่งที่ระบุไว้ว่า 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 2.86 วินาที และยาวถึง 200 กม./ชม. ได้ที่ 7.4 วินาที นอกจากนี้ยังได้รับการติดตั้งโปรแกรม Dynamic Enhancer มาให้ พร้อมกับการเลือกใช้ยางจากแบรนด์ Pirelli ออกแบบเป็นพิเศษสำหรับ Daytona SP3 โดยเฉพาะ เพื่อยกระดับการขับขี่ และการควบคุมอย่างเต็มสมรรถนะทั้งบนถนนเปียก และถนนแห้ง
https://motorsport.tv/embed/T7CPDLCV-ferrari-daytona-sp3
