Brabus 800 Adventure XLP Superblack

0

Brabus สำนักแต่งคู่บุญค่ายดาวสามแฉก เผยผลงานโหดอีกครั้งฉลองต้อนรับปี 2022กับการหยิบเอารถอเนกประสงค์ตัวโหด Mercedes-AMG G63 ในรูปแบบตัวถังแบบ Truck มาทำการอัพเกรดขึ้นใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็น Brabus 800 Adventure XLP Superblack ที่เน้นความดุดัน ตั้งแต่รูปลักษณ์ที่มากับความ “ดำทะมึน” ของตัวถังด้วยโทนสี Obsidian Black Metallic จากแนวคิด All-Black BRABUS Signature Design เสริมด้วยการติดตั้งชุดแต่ง WIDESTAR มีเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของ Brabus ที่สร้างขึ้นจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ อีกทั้งยังมีการเพิ่มเติมคุณลักษณะเฉพาะตัวให้กับโมเดล Adventure XLP เช่น ชุดรอกที่ติดตั้งบริเวณกันชนหน้า, แร็คหลังคาใหม่ ไปจนถึงจุดเก็บล้ออะไหล่ ตลอดจนถังน้ำมันสำรองที่วางอยู่บนกระบะท้าย เพื่อขยายขีดความสามาถในการขับขี่สไตล์วิบากมากขึ้น

ผสมผสานด้วยความหรูหราระดับ Brabus Masterpiece กับทั่วภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบให้เหนือชั้นไปอีกระดับ ในโทนสีดำ All Black ของวัสดุหนังเกรดพรีเมี่ยม ตลอดจนการใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งในส่วนของชุดพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น, แผงคอนโซลหน้า, คอนโซลกลาง จนถึงแผงประตู โดยมีวัสดุอลูมิเนียม และวัสดุโทนสี Shadow Chrome เสริมในรายละเอียดบางจุด เช่น แป้นเหยียบ และแป้นเปลี่ยนเกียร์ Brabus Paddle Shift ก่อนปิดท้ายด้วยความพิเศษสุดๆ จากลวดลายตัวเลข “77” ในจุดต่างๆ อาทิ เบาะนั่ง, แผ่นบังแดด และบางส่วนของผ้าหลังคา เพื่อสื่อถึงปีแห่งการก่อตั้งแบรนด์ Brabus ในปี 1977 รวมถึงนาฬิกาสไตล์คลาสสิค Panerai Luminor ที่อยู่บนคอนโซลหน้า

Brabus 800 Adventure XLP Superblack มากับขุมพลังเบนซินขนาด 4 ลิตร แบบ V8 พ่วงระบบอัดอากาศ Turbocharged ที่ Brabus ปรับแต่งใหม่ เช่น ชุดระบบไอเสียที่เปลี่ยนไปใช้แบบวัสดุสแตนเลส พร้อมคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในการลดแรงดันย้อนกลับของไอเสีย ส่วนปลายท่อเป็นแบบคาร์บอน โดยจะมาพร้อมกับระบบ Actively Controlled Valves พร้อมฟังค์ชั่นปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้เลือกโทนเสียง คือ Sport และ Coming Home ตลอดจนมีระบบไฟเรืองแสง เพื่อสร้างความโดดเด่น

แถมด้วยบทสรุปที่เร้าใจ กับเรี่ยวแรงสูงสุด 800 แรงม้า พร้อมแรงบิดระดับ 1,000 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งสามารถแบกน้ำหนักตัวรถ 2,936 กก. ให้ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.8 วินาที โดยความเร็วสูงสุดนั้นจะถูกจำกัดเอาไว้ที่ 210 กม./ชม. และคว้าตำแหน่ง World’s Fastest Pickups in the World ไปครอง

นอกจากนี้ยังยกระดับสมรรถนะการขับเคลื่อนด้วยช่วงล่างที่อัพเกรดขึ้นใหม่ โดยใช้เพลาขับทั้งด้านหน้า และด้านหลังแบบ Portal เสริมด้วยระบบ Brabus Ride Control Suspension พร้อมการเปลี่ยนไปใช้ล้ออัลลอยด์ Brabus Monoblock HD ขนาด 22 นิ้ว รัดด้วยยาง All-Terrain ซึ่งช่วยยกความสูงใต้ท้องรถขึ้นถึง 19.2 นิ้ว (49 ซม.) เพื่อรองรับการใช้งานหนัก หรือการขับขี่แบบออฟโรด

Comments are closed.