Volkswagen Golf GTI Clubsport ตำนานไม่มีวันสิ้นสุด

0

VW Golf GTI Clubsport คือ ของใหม่ล่าสุด ที่ค่าย Volkswagen ให้กำเนิดขึ้นมาเพื่อสานต่อตำนานที่ไม่มีวันสิ้นสุดของยนตรกรรมอนุกรม Golf พร้อมด้วยพละกำลังที่อัพเกรดขึ้นไปอีกขั้น สู่ฐานะของยนตรกรรมที่เร้าใจที่สุดสำหรับ Golf GTI เจนเนอเรชั่นที่ 8

ความโดดเด่นด้านรูปลัษณ์เริ่มกันตั้งแต่ภายนอกที่ดุดันด้วยชุดกันชนหน้าที่มากับช่องดักอากาศขนาดใหญ่ลวดลายรังผึ้งสไตล์ GTI เพื่อเพิ่มคุณสมบัติด้านอากาศพลศาสตร์ เสริมด้วยชุด Splitter ใต้กันชนหน้าที่สร้างความสะดุดตาด้วยโทนสีดำ Matt-Grain Black และการติดตั้งชุดไฟหน้าแบบ LED Plus มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมชุดไฟ DRL แบบ LED โดยมีออพชั่นเป็นชุดไฟหน้าแบบ IQ.LIGHT – LED Matrix ให้เลือก ตัดด้วยแถบเส้นสีแดงแนวนอนคาดยาวบนชุดไฟหน้า และกระจังหน้า ซึ่งมาพร้อมการประทับตราสัญลักษณ์ GTI

ส่วนมุมมองด้านหลังมีความหล่อเหลาด้วยสปอยเลอร์หลังคาแบบ 2 ชั้น โทนสีดำเงา High-Gloss Black ขณะที่ด้านล่างมากับชุดกันชนท้าย พร้อม Diffuser และท่อไอเสีย 2 กลมทั้ง 2 ฝั่งที่มีขนาดใหญ่โตด้วยเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 40 มม. พร้อมชุดไฟท้ายที่ยังคงเป็นเทคโนโลยี LED ก่อนปิดท้ายด้วยล้ออัลลอดย์ที่มากับขนาดมาตรฐาน 18 นิ้ว พร้อมยางซีรี่ส์ 225/40 R18

ด้านภายในห้องโดยสารมากับการตกแต่งในโทนสีดำ ตัดสลับการตัดเย็บโทนสีแดง เช่น เบาะนั่งแบบ Premium Sport Seats , พนักวางแขนเบาะคู่หน้า, พรมพื้น และพวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น ที่มีการใช้วัสดุหนังในส่วนตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา เพื่อเพิ่มความกระชับ พร้อมการประทับโลโก้ GTI ในตำแหน่ง 6 นาฬิกา ขณะที่ด้านหลังจะมากับแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ขนาดใหญ่

ส่วนขุมพลังยังคงใช้พื้นฐานของ Golf GTI ด้วยเครื่องยนต์เบนซินพิกัด 2.0 ลิตรแบบ 4 สูบ พร้อมระบบอัดอากาศ Turbocharged แต่ได้รับการอัพเกรดพละกำลังขึ้นใหม่เป็น 300 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด DSG คลัทช์คู่ ที่มากับการปรับอัตราทดใหม่ และฟังค์ชั่นปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ที่ประกอบด้วย Eco, Comfort, Sport, Individual และใหม่ล่าสุดกับโหมด Special

ตลอดจนการเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการติดตั้งชุดเฟืองท้าย XDS ใหม่ รวมไปถึงชุดเฟือง VAQ แบบ Electromechanically ติดตั้งที่เพลาล้อหน้ามาให้เป็นครั้งแรก ตามด้วยระบบช่วงล่างที่มีการปรับลดความสูงลงอีกราว 15 มม. เสริมด้วยระบบ Adaptive Chassis Control (DCC) บนพื้นฐานด้านหน้าแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบ 4-Links พร้อมการเคลมสมรรถนะปิดท้ายว่าสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาน้อยกว่า 6.0 วินาที โดยที่ความเร็วสูงสุดนั้นถูกจำกัดเอาไว้ที่ 250 กม./ชม.

 

CR.NetCarShow.com

Comments are closed.